เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ จ.สมุทรสงคราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายคันฉัตร ตันเสถียร ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมด้วย พันเอกกฤษณ์ พรมเฮียง รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสมุทรสงคราม, ท้องถิ่นจังหวัด, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายเจริญ ถือตรง นายกอบต.บางนางลี่ และเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 10 นาย ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานประกอบกิจการล้างปี๊บบรรจุน้ำมันเก่าในพื้นที่ ต.บางนางลี่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม จำนวน 3 แห่ง หลังได้รับการร้องเรียนว่าสถานประกอบการดังกล่าวใช้โซดาไฟล้างปี๊บแล้วปล่อยน้ำเสียลงสู่คลองลำประโดงสาธารณะ อีกทั้งไม่มีบ่อบำบัดน้ำเสีย และยังส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง

โดยแห่งแรกไปที่โรงงาน จ.เจริญ ตั้งอยู่เลขที่ 15/7 หมู่ 5 ต.บางนางลี่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก อบต.บางนางลี่ มากนัก เปิดดำเนินกิจการล้างปี๊บบรรจุน้ำมันเก่าใช้แล้วมานานกว่า 10 ปี มีนายประโลม นันตสุคนธ์ และนางสร้อย นันตสุคนธ์ เป็นเจ้าของจากการตรวจสอบพบว่าโรงงานแห่งนี้มีการติดตั้งเครื่องจักร-แรงม้า และมีคนงานเกือบ 20 คน ซึ่งไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจึงเข้าข่ายเป็นโรงงานจำพวกที่ 3 ลำดับที่ 106 นอกจากนี้ยังพบว่าบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงงานไม่ได้มาตราฐาน เนื่องจากมีการปล่อยน้ำเสียลงลำคลองสาธารณะจึงอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงสั่งการให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบต่อไป

จากนั้นได้ไปตรวจสอบโรงงานของนางอุบลวรรณ สุดสนิท อายุ 54 ปี ตั้งอยู่เลขที่ 161 หมู่ 4 ต.บางนางลี่ ซึ่งเปิดดำเนินกิจการต้มน้ำมันเก่าใช้แล้วบรรจุปี๊บขายมานานกว่า 10 ปีเช่นกัน จากการตรวจสอบสภาพโรงงานพบว่ามีถังน้ำมันเก่าขนาดต่างๆ วางระเกะระกะเต็มพื้นที่ อีกทั้งบ่อบำบัดน้ำเสีย ทางโรงงานใช้วิธีขุดดินให้เป็นบ่อขนาดใหญ่และทิ้งน้ำมันเก่าลงไปจนส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ที่สำคัญหากเกิดฝนตกหนักน้ำมันเก่าอาจจะไหลลงไปในคลองลำประโดงที่อยู่ใกล้เคียง และอาจซึมลงสู่พื้นดินเป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อม เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ ข้อหาบ่อน้ำมันเก่าส่งกลิ่นเหม็นและไม่มีบ่อบำบัดน้ำเสีย

นอกจากนี้ยังได้ไปตรวจสอบโรงล้างปิ๊บน้ำมันเก่าอีกแห่ง ชื่อบุญเรือง ซึ่งอยู่ใกล้กัน ตั้งอยู่เลขที่ 144/1 ม.4 ต.บางนางลี่ ของนางบุญเรือง โสดา เปิดดำเนินกิจการล้างปี๊บน้ำมันเก่าและไม่มีบ่อบำบัดน้ำเสียเช่นกัน โดยสภาพพื้นที่ไม่เพียงแต่จะส่งกลิ่นเหม็นเท่านั้นแต่ยังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันเก่าทั่วบริเวณ

นายคันฉัตร กล่าวว่า สถานประกอบการทั้ง 3 แห่ง มีการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการไม่มีบ่อบำบัดน้ำเสีย และยังทำลายสิ่งแวดล้อม จึงสั่งปิดโรงงานทั้ง 3 แห่ง และมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการต่อไป เช่น เปิดโรงงานผิดประเภท, ส่งกลิ่นเหม็น, ไม่มีบ่อบำบัดน้ำเสีย และทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม เป็นต้น

ที่มา : มติชนออนไลน์