จากประชาชาติธุรกิจ
ศาสตราจารย์สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง นักทฤษฎีฟิสิกส์เรืองนามชาวอังกฤษ กล่าวปาฐกถาในหัวข้อการสำรวจอวกาศและอนาคตแห่งมนุษยชาติ ต่อที่ประชุม "ออกซ์ฟอร์ด ยูเนี่ยน โซไซตี้" สโมสรเก่าแก่อายุเกือบ 200 ปี เพื่อการแลกเปลี่ยนและถกเถียงในเชิงวิชาการและแนวความคิดของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อราวกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ย้ำเตือนอีกครั้งว่า มนุษยชาติกำลังถูกคุกคามจากเทคโนโลยีและพัฒนาการที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง และจำเป็นต้องเร่งสำรวจเพื่อแสวงหาอาณานิคมที่มั่นคงและดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเองในระบบดาวอื่นๆ นอกเหนือจากระบบสุริยะออกไป สำหรับใช้เป็นหลักประกันว่ามนุษยชาติจะดำรงอยู่ต่อไป ในขณะที่โลกและคนบนโลกล่มสลายไปแล้ว
ศาสตราจารย์ฮอว์กิ้ง เจ้าของงานเขียนโด่งดังไปทั่วโลก "ประวัติย่อของกาลเวลา" กล่าวอย่างชัดเจนต่อที่ประชุมที่แน่นขนัดด้วยนักศึกษาและศาสตราจารย์ รวมถึงนักวิชาการแขนงต่างๆ ว่า มนุษยชาติในเวลานี้กำลังเผชิญอยู่กับภัยคุกคามต่อการอยู่รอดจำนวนหนึ่ง ซึ่งหลายๆ ภัยคุกคามเหล่านั้นกำลังจะกลายเป็นปัญหาร้ายแรงในช่วงศตวรรษที่ 21 นี้ โดยยกตัวอย่างภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของสายพันธุ์มนุษย์เอาไว้ว่า มีอาทิ ภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ, ภัยคุกคามจากการเกิดและพัฒนาการของปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ, ภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ล้างโลก และภัยคุกคามจากลัทธิก่อการร้าย เป็นต้น
ทางออกเพื่อแก้ปัญหาและให้แน่ใจว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้นั้น ศาสตราจารย์ฮอว์กิ้งระบุว่า มีอยู่ทางเดียวคือการออกไปสำรวจอวกาศและหาทางสร้างอาณานิคมขึ้นในต่างดาวให้เร็วที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้ โดยย้ำเอาไว้ว่า จำเป็นต้องดำเนินการให้เป็นไปได้ภายในระยะ 1,000 ปีข้างหน้านี้
"แม้ว่าโอกาสที่จะเกิดหายนภัยขึ้นในปีหนึ่งๆ นั้นอาจดูต่ำ แต่สิ่งเหล่านี้พอกพูนเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านไปและจะกลายเป็นเรื่องที่เข้าใกล้กับความแน่นอนได้ภายใน 1,000 หรือ 10,000 ปีข้างหน้านี้ ถึงเวลานั้นเราควรกระจายออกไปในอวกาศและไปยังดวงดาวอื่นๆ เพื่อที่หายนะบนพื้นโลกจะได้ไม่หมายถึงการสิ้นสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์" ศาสตราจารย์ฮอว์กิ้งระบุ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฮอว์กิ้งออกมาเตือนถึงอันตรายของปัญญาประดิษฐ์ เมื่อเดือนมกราคมปี 2015 ฮอว์กิ้งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์จำนวนมาก รวมทั้งอีลอน มัสก์ ซึ่งร่วมกันลงนามในจดหมายเปิดผนึกว่าด้วย "การลำดับความสำคัญของงานวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์และความรุ่งโรจน์ของปัญญาประดิษฐ์" ที่เรียกกันทั่้วไปในเวลาต่อมาว่า "จดหมายเปิดผนึกว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์" ซึ่งผู้ร่วมลงนามทั้งหมดพากันแสดงความวิตกกังวลต่อผลผูกพันต่อเนื่องทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของเอไอ พร้อมทั้งเรียกร้องให้เร่งดำเนินขั้นตอนต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นเหล่านั้น
ต่อมาเมื่อเดือนมกราคมต้นปีนี้ สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง เคยตอบคำถามหลังการบรรยายเอาไว้ให้รายละเอียดในทรรศนะของตนอันเป็นที่มาของความกังวลว่า สักวันหนึ่งเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้นอาจฉลาดกว่าและมีพลังมากกว่าจนกลายเป็นภัยคุกคามของมนุษย์ ความว่า..
"เราเผชิญอยู่กับภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของเราเอง จากสงครามนิวเคลียร์ หายนะจากภาวะโลกร้อน และบรรดาไวรัสที่ผ่านกระบวนการด้านวิศวพันธุกรรม ด้วยพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีใหม่จำนวนของภัยคุกคามนี้จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และวิธีการที่อะไรต่อมิอะไรจะเกิดผิดพลาดบกพร่องจะยิ่งมีมากขึ้น
"อย่างไรก็ตาม เราจะยังไม่สามารถสร้างอาณานิคมในห้วงอวกาศขึ้นมาได้ภายในระยะเวลาอีกอย่างน้อยก็ 100 ปีข้างหน้า ดังนั้น ในช่วงเวลา 100 ปีที่ว่านี้เราจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
"ภัยคุกคามที่เราเผชิญอยู่ ส่วนใหญ่แล้วมาจากความก้าวหน้าที่เราสร้างขึ้นมาเองในทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เราจะไม่หยุดการก้าวรุดหน้าดังกล่าว หรือกลับไปย้อนทวนกระบวนการดังกล่าวนี้ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องตระหนักถึงภัยอันตรายเหล่านี้ให้ดีแล้วควบคุมมันให้ได้ ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี ผมเชื่อว่าเราทำได้"
นั่นหมายความว่าในทรรศนะของฮอว์กิ้ง มนุษย์เรายังจำเป็นต้องใช้เวลาอีก 100 ปีกว่าจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างอาณานิคมขึ้นในต่างดาว ถึงแม้จะเป็นดาวที่ใกล้กับโลกเรามากที่สุดอย่างดาวอังคารก็ตาม
นอกเหนือจากความจำเป็นเพื่อการอยู่รอดแล้ว ฮอว์กิ้งระบุว่าการท่องไปเพื่อสำรวจศึกษาในห้วงอวกาศนั้นจะช่วยให้มนุษยชาติเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้น "เราจำเป็นต้องออกไปสำรวจอวกาศเพื่อปรับปรุงองค์ความรู้เกี่ยวกับมนุษยชาติให้ดีขึ้น เราต้องก้าวไปให้ไกลเกินกว่าโลกที่ต่ำต้อยของเราใบนี้" และปิดท้ายปาฐกถาไว้ว่า
"จำไว้เสมอว่า จงเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า อย่าก้มดูดินที่ปลายเท้า พยายามใคร่ครวญให้ได้ว่าสิ่งที่เราได้เห็นนั้นคืออะไร ตั้งข้อสงสัยว่าอะไรกันที่ทำให้จักรวาลดำรงอยู่
"จงกระหายใฝ่รู้ ต้องมีอะไรบางอย่างที่คุณสามารถทำได้และทำสำเร็จได้เสมอ ตราบเท่าที่ยังไม่ยอมแพ้"
Photo: Reuters
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน
อี.โอ.เอส เกียร์,ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต,#มีดดามัสกัส,#เหล็กดามัสกัส
