จากประชาชาติธุรกิจ
"ฟู้ดดี้คือใคร แค่ไหนจึงเรียกฟู้ดดี้?
ฟู้ดดี้ หรือ กลุ่มคนที่หลงใหลในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาหาร รสชาติ ความรื่นรมย์ หรือแสวงหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการรับประทาน
กระแสฟู้ดดี้ที่เริ่มออกตัวแรง นับแต่ ค.ศ. 2010 ด้วยความอินจัดของเจเนอเรชั่นวายที่แสดงตัวตนแท้ในสังคมเสมือนผ่านภาพถ่ายอาหาร จนถูกเรียกขานว่า ฟู้ดดี้เจเนอเรชั่น เมื่อประกอบกับเทรนด์การรักษาสุขภาพ ที่เจนวายขานรับเต็มที่ เป็นที่มาของการก่อเกิดวิถีการรับประทาน "คลีนฟู้ด" ที่บูมจัดทั้งในเมืองไทยและในระดับนานาชาติ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 กระทั่งทุกวันนี้
คลีนฟู้ดที่ผ่านการปรุงแต่งดัดแปลงน้อยที่สุด เน้นความเป็นธรรมชาติและคุณค่าทางโภชนาการ อาทิ ผัก ผลไม้สด ธัญพืช อาหารไม่ขัดสี อาหารไม่ปรุงรสจัด ในมิติทางจิตวิทยา ถือว่าเป็นการรับประทานด้วยเหตุผลและวินัย หรือ Brain over food ยิ่งกว่าการรับประทานตามใจในรูปรส อย่างที่เรียกว่า Mind over food
แต่ธรรมชาติของเทรนด์ใด ๆ ล้วนมีจุดร่วมกันอยู่อย่างหนึ่ง สิ่งนั้นคือความผันแปรไม่แน่นอน เมื่อคลีนฟู้ดรุ่งเรืองถึงขีดสุดในปี ค.ศ. 2015 แต่ไม่ได้หมายว่าจะดำรงคงอยู่อย่างยั่งยืน ยิ่งผสานกับกลไกทางจิตของคนรุ่นใหม่ในวิถีชีวิตร่วมสมัย ที่ขี้เบื่อ เปลี่ยนใจง่าย และแสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจ ส่วนเทรนด์ไหนจะจับใจชาวฟู้ดดี้ได้ ขึ้นอยู่กับกลไกทางจิต กระแสความนิยมของสังคม และวิทยาการในการรักษาสุขภาพรูปแบบใหม่เป็นสำคัญ
หากมองจากมิติจิตวิทยาสังคม ฟู้ดดี้ ใช้อาหารเป็นเครื่องมือบอกกล่าวเล่าเรื่องอัตลักษณ์ หรือตัวตนของเขา ผ่านการนำเสนอภาพถ่ายอาหารในสังคมเสมือน แม้ความตั้งใจจะรักษาจะสุขภาพจะยังคงอยู่ หากแต่คลีนฟู้ดไม่สามารถตอบโจทย์
"การสร้างอัตลักษณ์ที่แตกต่าง" และการโหยหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ทดลอง
ชาวฟู้ดดี้จึงยังคงหลักการรักษาสุขภาพอย่างแน่นหนา ทว่าคลีนฟู้ดที่ไม่อาจ "ตอบโจทย์ของใจ" ได้เบ็ดเสร็จ กำลังจะถูกทอนความนิยมไปหาการรับประทานกระแสใหม่ ด้วยปัจจัยหลัก 3 ประการ อันได้แก่ การรับประทานอย่างตามใจ (Mind over food) การเล่าเรื่องความแตกต่างของตน (Personal story telling) และการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ (Culinary discovery)
เมื่อจับตากระแสใหม่ของฟู้ดดี้ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น BBC Good Food, Global food forums และ The Huffington post เทรนด์ที่มาแน่ ๆ มีสามเทรนด์ด้วยกัน
แรงสุดเห็นจะเป็น "เทรนด์ย้อนหาอาหารต้นตำรับ" (Authentic Culinary Experience) คนรุ่นใหม่เติบโตมาในวิถีชีวิตกึ่งสำเร็จรูป จึงไม่ทันจะสัมผัสหรือมีประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบต้นตำรับจริง ๆ ยิ่งเทรนด์ก่อนหน้าคลีนฟู้ด เป็นเทรนด์การสร้างสรรค์ฟิวชั่นฟู้ดแล้วด้วย ฟู้ดดี้ทั่วโลกจึงยิ่งสนใจใคร่รู้ว่าต้นตำรับของอาหารไม่ว่าจะเป็นชนชาติ หรือท้องถิ่นแบบแท้ ๆ เป็นเช่นไร เมื่อชาวฟู้ดดี้เดินทางท่องเที่ยวจึงสนใจจะมองหาร้านอาหารที่นำเสนออาหารแท้แต่ดั้งเดิม ยิ่งกว่าจะเป็นร้านมีดาวมิชลิน
ปรากฏการณ์ข้าวแช่ฟีเวอร์ในหน้าร้อนที่ผ่านมา นับเป็นตัวอย่างอธิบายเทรนด์ที่จุดติดแล้วได้อย่างดี
ตามมาติด ๆ ด้วยเทรนด์ "ศิลปะบนจานอาหาร" (The art of food plating) นับเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ชาวฟู้ดดี้ไม่ใช่แค่ในเมืองไทยแต่เป็นฟู้ดดี้ทั่วโลก จะถ่ายภาพอาหารแล้วโพสต์ในสังคมเสมือนก่อนจะเริ่มรับประทานอาหาร การโพสต์อาหารที่ใคร ๆ ก็โพสต์ได้ไม่แปลก แม้ธุรกิจแอปพลิเคชั่นจะสร้างสรรค์แอปพลิเคชั่น
สำหรับปรับแต่งภาพอาหาร แต่ก็ยังเป็นปลายทางอยู่ดี ชาวฟู้ดดี้จึงตื่นใจกับการออกแบบจานอาหารอย่างวิจิตรบรรจงบ่งบอกรสนิยม เพื่อให้เกิดอรรถรสทั้งรูปรส อีกทั้งการถ่ายภาพและนำเสนอในสังคมเสมือนยังเป็นการเล่าเรื่องราวอย่างมีศิลปะ
อีกเทรนด์ที่มาแน่ ๆ และเกิดขึ้นแล้วในเมืองไทย เป็นการผสานกระแสรักษาสุขภาพและวิทยาการชะลอวัย ด้วยการเลือก "รับประทานอาหารตามพิมพ์เขียวรหัสพันธุกรรม" เฉพาะตัวเรา (Individualize healthy) ซึ่งจะมีการทดสอบว่าร่างกายของคนเราแต่ละคนนั้นมีพิมพ์เขียวเฉพาะ ที่ตอบสนองต่ออาหาร เครื่องดื่ม แต่ละประเภทอย่างไร อาหารแบบไหนที่จะส่งเสริมความแข็งแรงภูมิต้านทานเสริมสร้างโกรทฮอร์โมนที่รักษา ซ่อมแซมและชะลอวัย และอาหารประเภทใด แม้เดิมจะอยู่ในหมวดหมู่คลีนฟู้ด
แต่อาจเป็นอาหารที่ร่างกายตอบสนองเชิงลบ เช่น ทำลายเส้นประสาท หรือภูมิต้านทาน ก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมก่อนวัย และโรคร้ายทั้งร่างกายและจิตใจได้
การเดินทางของบทบาทอาหารที่คู่ขนานไปกับอารยธรรมของมนุษย์ นับแต่เป็นสิ่งบำรุงหล่อเลี้ยงร่างกาย พัฒนาไปสู่ความเลิศรส โภชนาการ งานศิลปะ กระทั่งสิ่งที่บ่งบอกอัตลักษณ์ในวันนี้ การเดินทางของอาหารยังดำเนินต่อไปไม่หยุดนิ่งเฉกเช่นกับโลกที่ไม่เคยหยุดไหวเคลื่อน การมาถึงของเทรนด์ใหม่จึงเป็นความตื่นใจ ที่รังสรรค์วิถีชีวิตที่มีคุณค่าต่างออกไปในอารยธรรมของมนุษย์เรา
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
