จากประชาชาติธุรกิจ
งานวิจัยชิ้นใหม่ของทีมวิจัยด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์ นำโดย อดัม รีส นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์จากสถาบันวิทยาการโทรทรรศน์อวกาศ (เอสทีเอสไอ) และมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพกินส์ เจ้าของรางวัลโนเบล สาขาฟิสิกส์ เมื่อปี 2011 แสดงให้เห็นว่า จักรวาลขยายตัวเร็วกว่าที่นักดาราศาสตร์เคยประเมินกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ ระหว่าง 5 เปอร์เซ็นต์ถึง 9 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน
อดัม รีส ได้รับรางวัลโนเบลฟิสิกส์ (ร่วมกับไบรอัน ชมิดท์ และซาอูล เพิร์ลมัทเตอร์) จากผลงานการค้นพบว่าการขยายตัวของจักรวาลนั้นเร่งเร็วขึ้นตลอดเวลา และยังคงศึกษาเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องร่วมกับทีมงาน โดยอาศัยกล้องโทรทรรศน์อวกาศ ฮับเบิล ศึกษาดาวแปรแสงชนิดเซเฟอิดจำนวน 2,400 ดวง กับซุปเปอร์โนวาชนิด "หนึ่งเอ" อีกจำนวน 300 ดวง
เซเฟอิด เป็นดาวฤกษ์ที่มีความสว่างไม่คงที่อย่างมากและจะมีอัตราการกะพริบของแสงที่สัมพันธ์กับความสว่างที่แท้จริงของดาวในขณะที่ซุปเปอร์โนวา ชนิด "หนึ่งเอ" เป็นซุปเปอร์โนวาทรงพลังที่เกิดจากการระเบิดของดาวฤกษ์ขนาดใหญ่เมื่อหมดอายุขัย เป็นการระเบิดที่มีระดับความเข้มของความสว่างคงที่ ปรากฏการณ์ในจักรวาล 2 ชนิดที่แตกต่างกันดังกล่าวนี้ถูกใช้เป็นเหมือนเครื่องมือในการวัดระยะในแต่ละพื้นที่ของจักรวาลได้ โดยอาศัยความสัมพันธ์ของช่วงเวลากับค่าความสว่างมาใช้ในการคำนวณระยะทาง
เมื่อได้ระยะห่างของซุปเปอร์โนวา300 ดวงและดาวแปรแสงเซเฟอิดที่อยู่ในดาราจักรหรือแกเล็กซีแตกต่างกันออกไปแล้ว ทีมวิจัยก็นำเอาตัวเลขดังกล่าวมาเปรียบเทียบและคำนวณร่วมกับตัวเลขการขยายตัวของจักรวาล ซึ่งสามารถคำนวณได้โดยการวัดช่วงคลื่นของแสงที่มาจากแกเล็กซีต่างๆ ที่อยู่ห่างออกไปว่าถูกยืดออกมากน้อยแค่ไหนเมื่อแสงดังกล่าวเดินทางห่างออกไปจากโลก ค่าที่ได้จากการคำนวณเปรียบเทียบตัวเลขทั้งสองชุดรู้จักกันในชื่อ "ฮับเบิล คอนสแตนท์" หรือ "ค่าคงที่ของฮับเบิล" ตามชื่อของ เอ็ดวิน ฮับเบิล นักดาราศาสตร์ชื่อดังชาวอเมริกัน
ค่าคงที่ของฮับเบิล ค่าใหม่ซึ่งมีความแม่นยำมากกว่าที่เคยคำนวณกันมาให้ผลลัพธ์ที่ 73.2 กิโลเมตรต่อวินาทีต่อเม็กกะพาร์เสค (1 เม็กกะพาร์เสคเท่ากับ 3.26 ล้านปีแสง)
แต่ค่าตัวเลขใหม่นี้สูงกว่าค่าคงที่ของฮับเบิล ที่เคยมีการประเมินกันไว้ก่อนหน้านี้ 5-9 เปอร์เซ็นต์ โดยทีมวิจัยเชื่อว่า มีคำอธิบายความแตกต่างดังกล่าวที่เป็นไปได้อยู่หลายทางด้วยกัน ทางแรกก็คือ สิ่งนี้อาจเป็นผลมาจากพลังของสิ่งที่เรียกกันว่า "พลังงานมืด" หรือ "ดาร์ก เอเนอร์ยี" พลังงานลึกลับที่ยังไม่มีใครสามารถตรวจสอบพบได้ ซึ่งเคยคาดกันว่าเป็นต้นเหตุทำให้จักรวาลขยายตัวเร่งเร็วขึ้น อาจมีกำลังรุนแรงมากกว่าที่นักดาราศาสตร์เคยคิดกัน
อีกทางก็คือเป็นไปได้เช่นกันที่มีการแผ่รังสีลึกลับหรือ"ดาร์ก เรดิเอชั่น" ซึ่งเป็นสิ่งที่เรายังไม่รู้จักเช่นเดียวกันแต่คาดกันว่าจะเป็นอนุภาคในระดับซับอะตอม หรือระดับอนุภาคที่มีความเร็วระดับ "ซุปเปอร์สปีด" ที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่นับตั้งแต่เกิดบิ๊กแบงเป็นต้นมา อาจเข้ามามีบทบาทในการเร่งให้การขยายตัวของจักรวาลเร็วขึ้นได้เช่นกัน สุดท้ายก็คือ "สสารมืด" หรือ "ดาร์ก แมทเทอร์" ที่คาดกันว่ามีมากกว่าสสารทั่วไปในจักรวาลอยู่ราว 4 เท่าตัว ก็อาจมีคุณลักษณะประหลาด คาดการณ์ไม่ถึงบางอย่างที่ส่งผลต่อเรื่องนี้
ถ้าไม่ใช่ทั้ง 3 อย่าง ก็แสดงให้เห็นว่า ทฤษฎีว่าด้วยแรงดึงดูด (ธีออรี ออฟ กราวิตี) ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อาจบกพร่อง มีบางส่วนสำคัญขาดหายไป
แต่ประเด็นหนึ่งที่แน่นอนก็คือ ยังคงมีเรื่องต้องศึกษาอีกมากกว่าที่เราจะเข้าใจความหมายของค่าที่คำนวณได้ใหม่นี้แบบเต็มที่
นสพ.มติชนรายวัน
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
