จากประชาชาติธุรกิจ
โรงสกัดน้ำมันปาล์มเกรดบี-ผู้ประกอบการลานเท จี้กรมการค้าภายในเร่งแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันทั้งระบบ พร้อมให้เร่งทบทวนประกาศเรื่องการรับซื้อผลปาล์มทะลายและปาล์มร่วงในราคา เดียวกัน เหตุเปอร์เซ็นต์น้ำมันต่างกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค.58 ผู้ประกอบการโรงสกัดน้ำมันปาล์มเกรดบีและผู้ประกอบการลานเทจังหวัดชุมพร (ลานปาล์ม) ได้เข้าพบนายวงศศิริพรหมชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เพื่อยื่นข้อเรียกร้องการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันทั้งระบบ 7 ข้อ โดยสรุปสาระสำคัญ เช่น ไม่เห็นด้วยที่ให้ลานเทสามารถปฏิเสธการรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรได้ หากมีอัตราน้ำมันต่ำกว่า 17% เมื่อสิ้นสุดเวลาบังคับใช้ของสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ลงวันที่ 20 พ.ค.58 เพราะไม่เป็นธรรมกับเกษตรกรที่เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงต้นปาล์มอายุ 3-4 ปี เนื่องจากผลปาล์มมีขนาดเล็ก
ส่วนการรับซื้อผลปาล์มทะลายและผลปาล์มร่วงจากเกษตรกรในราคาเดียวกันหน้าโรงงานสกัด ทำให้เกษตรกรเสียประโยชน์ เพราะค่าจ้างแรงงานการเก็บเกี่ยวผลปาล์มทะลายคือ 0.50-0.60 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนค่าจ้างเก็บเกี่ยวผลปาล์มร่วงอยู่ที่ 1.00-2.00 บาทต่อกิโลกรัม 3.เกณฑ์การประเมินอัตราน้ำมันของผลปาล์มทะลายของแต่ละโรงงานยังไม่เป็นในแนวทางเดียวกัน มีผลโดยตรงกับราคาของผลปาล์มทะลายที่เกษตรกรนำไปขาย
ขณะที่โรงสกัดเกรดบีส่วนใหญ่เป็นกิจการ SMEs ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เพื่อผลิตน้ำมันปาล์มจำหน่ายให้กลุ่มอุตสาหกรรมไบโอดีเซลและกลุ่มอาหารสัตว์ ซึ่งปกติซื้อขายกันในราคาที่สูงกว่าผลปาล์มทะลาย 2-3 บาทต่อกิโลกรัม และราคาน้ำมันปาล์มดิบเกรดบีต่ำกว่าน้ำมันปาล์มดิบเกรดเอกิโลกรัมละ 2 บาท โรงสกัดเกรดบีไม่มีส่วนทำให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันลดลงแต่อยู่สูงกว่า 17% มาโดยตลอด สาเหตุที่ทำให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันลดลงมาจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งและการตัดผลปาล์มดิบ ภาครัฐจึงควรให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เกษตรกร
ด้านกลุ่มผู้ประกอบการ ลานเทก็ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้กรมการค้าภายในทบทวนประกาศข้อ3เรื่องการรับ ซื้อผลปาล์มทะลายและปาล์มร่วงในราคาเดียวกันเพราะเปอร์เซ็นต์น้ำมันต่างกัน และประกาศข้อ 4 เรื่องให้ลานเทรับซื้อผลปาล์มในราคาเดียวกับโรงสกัด โดยให้เป็นไปตามกลไกตลาดและตามพื้นที่ เพราะลานเทไม่สามารถรับซื้อปาล์มทะลายจากเกษตรกรเป็นเปอร์เซ็นต์น้ำมันได้ รวมทั้งให้ภาครัฐสนับสนุนการสร้างสถานที่จัดเก็บน้ำมันปาล์มดิบไว้ใช้ในช่วง ที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย
นายธงไชย นิรมิตศรีชัย ผู้จัดการบริษัทอุดมชัยปาล์มออยล์ จำกัด ในฐานะรองประธานชมรมโรงสกัดน้ำมันปาล์มเกรดบีภาคใต้กล่าวว่า การกำหนดราคารับซื้อปาล์มทะลายและปาล์มร่วงในราคาเท่ากัน ทำให้เกษตรกรเสียประโยชน์ เพราะมีค่าจ้างต่างกัน และยังส่งผลให้ลานเทต้องหยุดกิจการ เพราะไม่สามารถรับซื้อปาล์มแข่งขันกับโรงสกัดเกรดเอได้ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องถึงโรงสกัดเกรดบีที่รับซื้อปาล์มร่วงเป็นหลัก
ด้านนายวิโรจน์ อภิวันทนากร ผู้จัดการบริษัท ปาล์มทองออยล์ จำกัด กล่าวว่า การออกประกาศดังกล่าวของกรมการค้าภายใน อาจนำไปสู่การผูกขาดของกลุ่มโรงงานบางกลุ่ม เพราะเมื่อลานเททั่วไปและโรงสกัดขนาดเล็กไม่สามารถซื้อผลผลิตปาล์มได้ โรงสกัดใหญ่ก็จะขยายสาขาลานเทในกลุ่มตัวเองก่อนเข้าควบคุมธุรกิจปาล์มทั้งระบบ ถ้าถึงขั้นนั้นเกษตรกรจะไม่มีทางเลือกในการขายปาล์มได้อย่างเช่นปัจจุบัน
"เหตุผลที่บอกว่าต้องรับซื้อปาล์มทะลายและปาล์มร่วงราคาเดียวกัน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาและช่วยเหลือเกษตรกรก็ไม่เป็นความจริง เพราะช่วงที่ปาล์มออกสู่ตลาดมาก โรงสกัดรับซื้อไม่ทัน ชาวสวนก็จะตัดปาล์มสุกจัดและเกิดปาล์มร่วง ส่วนเหตุผลด้านคุณภาพน้ำมันจากโรงงานเกรดบีก็ไม่เป็นความจริง เพราะตลาดคนละกลุ่ม น้ำมันเกรดบีจะนำไปผลิตไบโอดีเซลและอาหารสัตว์เป็นหลัก ส่วนน้ำมันเกรดเอจะนำไปสกัดเป็นน้ำมันบริโภค และราคาน้ำมันสกัดก็ต่างกัน 2-3 บาทต่อกิโลกรัมอยู่แล้ว" นายวิโรจน์กล่าว
ไร่รักษ์ไม้,Eosgear,มูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,victorinox,แปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit,ราคา,อร่อย
