จากประชาชาติธุรกิจ
ชี้เป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ของ คสช.ภายใน 10 ปีข้างหน้าเป็น 40% ให้สำเร็จ ต้องหนุนเอกชนปลูกไม้เศรษฐกิจ ด้านผู้ประกอบการไม้ระบุ ภาครัฐยังผูกขา ผูกแขนเอกชนจนวิ่งไม่ออก ยอดส่งออกเฟอร์นิเจอร์ทรุดเกือบ 50% เหตุพึ่งวัตถุดิบได้เพียงไม้ยางพารา แถมราคาและภาษีส่งออกสูงลิ่ว
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้กรมป่าไม้และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดเสวนา "ไม้เศรษฐกิจไทย เมื่อไรจะถึงฝั่งฝัน" ขึ้น โดยนายจิรวัฒน์ ตั้งกิจงามวงศ์ นายกสมาคมธุรกิจไม้กล่าวว่า ปัจจุบัน ยอดส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไทยตกต่ำลงมาก จากที่ส่งออกปีละ 5 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น สาเหตุเพราะไทยปิดไม่ให้สัมปทานป่าไม้ โรงเลื่อยแทบปิดตัว พึ่งได้แค่ไม้ยางพารา การส่งออกเสียภาษีสูงถึง 40% ไม้ยางพาราของไทยปีละ 4 ล้านคิวบิกเมตร ขายจีนปีละ 2 ล้านคิวบิกเมตร ราคาคิวบิกเมตรละ 350-400 บาท เสียเปรียบคู่แข่งเพราะไม้โอ๊ก 250 บาท/คิวบิกเมตร ไม้บีช จาก 600 บาท/คิวบิกเมตร เหลือเพียง 300 บาท/คิวบิกเมตร
การแก้ พ.ร.บ.สวนป่าเป็นการแก้เพียง "โปรดักชั่น ไซส์" เท่านั้น ไม้เศรษฐกิจคือ ไม้ที่มีตลาด การแก้ปัญหาไม้โตเร็ว ต้องทำให้เกิดตลาด มีออร์เดอร์ต้องแก้ที่ต้นตอ ที่ถูกผูกขา ผูกแขนวิ่งไม่ออก มิเช่นนั้นก็เพิ่มป่าไม่ได้ ต้องมีเศรษฐกิจเข้ามา อย่าปลูกเพื่อความเขียวอย่างเดียว อย่าให้เหลือแค่ไม้ยางพารา ทุกวันนี้ โรงเลื่อยถ้าไม่พึ่งไม้ยางและไม้นำเข้า จะปิดตัวหมด นอกจากนี้การปลูกป่าขนาดใหญ่ในไทยทำไม่ได้ คือ เช่าพื้นที่ปลูกเกิน 20 ไร่ไม่ได้ ฉะนั้น หากอยากได้ไม้เต็มบ้านเต็มเมือง ต้องแก้ไข การที่รัฐยิ่งห้ามยิ่งสูญพันธุ์ แล้วอีก 5 ปีไทยจะส่งออกเฟอร์นิเจอร์แซงอินโดนีเซีย มาเลเซีย ถ้าแก้ได้
นายสุเมธ จันษร รักษาการแทนผู้อำนวยการส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้กล่าวว่า ป่าไม้ของไทยเหลือเพียง 32% ของพื้นที่ประเทศ หรือเท่ากับ 102 ล้านไร่ ต้องเพิ่มพื้นที่ป่าอีก 27 ล้านไร่ ให้เป็น 40% ภายใน 10 ปี ตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดังนั้น จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องเพิ่มพื้นที่ปลูกไม้เศรษฐกิจไม้โตเร็ว การปลูกไม้เศรษฐกิจปัจจุบันต้องปลูกขึ้นมาใหม่ตามเป้าหมาย 22.6 ล้านไร่ ปลูกแล้ว 1 ล้านไร่เศษ อีก 21 ล้านไร่ต้องส่งเสริมปลูกในพื้นที่ ส.ป.ก. 5 ล้านไร่ นิคมสหกรณ์ 1 ล้านไร่ พื้นที่เอกชนที่มีเอกสารสิทธิ 9 ล้านไร่ ที่เหลืออยู่ในพื้นที่ป่า
ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้เศรษฐกิจมีประมาณ 25 ล้านไร่ ส่วนใหญ่เป็นไม้ยางพารา 18 ล้านไร่ ไม้ยูคาลิปตัส 3 ล้านไร่ กรมป่าไม้จะส่งเสริมปลูกไม้แต่ละภาค คือ ภาคเหนือ จะเน้นไม้อุตสาหกรรมและไม้ก่อสร้าง ภาคกลางเน้นไม้ผลิตพลังงาน ภาคอีสานและภาคตะวันออก เน้นไม้โตเร็ว เช่น ยูคาลิปตัส ภาคใต้เน้นปลูกไม้ก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งปี 2559 กรมป่าไม้ของบฯปลูกป่าไว้ 1 แสนไร่ ไร่ละ 4,000 บาท
การร่วมใจปลูกป่าเพื่อเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน กรมได้มีการร่าง พ.ร.บ.สวนป่าฉบับใหม่ ที่ขอแก้ไขคือ 1.ชนิดของที่ดินที่ขึ้นทะเบียนปลูก 2.เพิ่มชนิดไม้หวงห้ามเพิ่มขึ้นเป็น 58 ชนิดที่ประชาชนนิยมปลูก ยกเว้นไม้ยางพาราและยูคาลิปตัส ตัดออกไปก่อน 3.การแปรรูปไม้ สามารถขออนุญาตแปรรูปได้ตาม พ.ร.บ.สวนป่าได้ เพราะการขออนุญาตตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ยุ่งยากมาก
ผู้ประกอบการสวนป่าไม้สัก ที่ขอความช่วยเหลือผ่านไปทางสำนักนายกรัฐมนตรีให้รัฐเข้ามาช่วยเหลือเหมือนพืชเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา สำนักนายกฯได้ส่งเรื่องไปกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว เพื่อตั้งกองทุนช่วยเหลือ รวมทั้งการส่งออกไม้สักของเอกชนได้ จากปัจจุบัน กรมอนุญาตให้เฉพาะองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ส่งออก ซึ่งกรมจะต้องทำเรื่องเสนอสำนักปลัดนายกรัฐมนตรีหรือสำนักนายกรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ กรมยังส่งเสริมชุมชนปลูกป่าเศรษฐกิจหรือป่าชุมชนนอกพื้นที่ป่าไม้ขนาด 20-50 ไร่ เพื่อนำไม้ไปใช้สอยในครัวเรือน
ไร่รักษ์ไม้,Eosgear,มูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,victorinox,แปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit,ราคา,อร่อย
