คมชัดลึก :คำ ว่า "เทคโนโลยีชีวภาพ" เป็นที่รู้จักและได้ยินกันบ่อยมาก แต่ว่าน้อยคนที่จะเข้าใจอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่แล้วมักจะเข้าใจอย่างผิวเผินและมองว่าเทคโนโลยีชีวภาพไปเกี่ยวข้อง กับเรื่องของ จีเอ็มโอ หรือพืชตัดต่อยีน
หรือดัดแปลงพันธุกรรมกันเป็นส่วนใหญ่ ความจริงเทคโนโลยีชีวภาพมีความหมายกว้างและครอบคลุมงานหลายด้าน และเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก แต่ที่สำคัญคือเทคโนโลยีด้านนี้เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน ในอนาคต คำถามคือว่าประเทศไทยควรจะดำเนินการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร
หลายประเทศให้ความสนใจและค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง แม้กระทั่งประเทศในยุโรปที่เรามองว่าไม่ค่อยยอมรับเรื่องเทคโนโลยีชีวภาพ ค่อนข้างมาก ก็ยังลงทุนวิจัยด้านนี้กันมากมาย รวมทั้งมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง แต่ว่าเมืองไทยเรายังตัดสินใจกันไม่ได้ว่าจะเตรียมรับเรื่องนี้กันอย่างไรดี ทางผู้มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายก็ยังไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องนี้และ ปล่อยให้คาราคาซังมาจนถึงทุกวันนี้ โดยไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด และยังไม่รู้ว่าจะเป็นไปอย่างนี้อีกนานแค่ไหน
แต่มีข้อที่ต้องคิดก็คือว่า ยิ่งปล่อยให้เวลาเนิ่นนานออกไปมากเท่าใด เราก็ยิ่งเสียโอกาสในการพัฒนาและไล่ตามเทคโนโลยีด้านนี้ จนในที่สุดอาจถึงขั้นตกขบวน แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง เมืองไทยเราก็คงต้องกัดฟันซื้อเทคโนโลยีจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียวเพราะ เมืองไทยไม่มีขีดความสามารถเพียงพอในด้านนี้ที่จะพัฒนาความรู้ต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพเป็นฐานได้อีกต่อไป
เทคโนโลยีชีวภาพจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราในเกือบทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร หรืออาหาร ด้านสุขภาพ ซึ่งครอบคลุมถึงการแพทย์และสุขอนามัยในด้านต่างๆ มีอุตสาหกรรมหนักหลายอย่างที่ต้องใช้ความรู้จากเทคโนโลยีชีวภาพ รวม ไปถึงพลังงานชีวภาพต่างๆ ซึ่งกำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้กันอยู่และกำลัง จะหมดไปในเร็ววันนี้ เป็นต้น ผลจากการใช้เทคโนโลยีชีวภาพที่มีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนในอนาคต มีมากมายในหลายด้านด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะว่าโลกอนาคตคงต้องมองเรื่องของต้นทุนที่ลดลง และผลผลิตที่มากขึ้น เพื่อทำให้เราสามารถส่งสินค้าไปแข่งขันในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น หรืออีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นกันอยู่คือหากใครสามารถผลิตได้ในราคาที่ต่ำกว่า และมีคุณภาพเท่าเทียมกัน ก็ย่อมส่งเข้ามาตีตลาดในเมืองไทยได้ง่ายขึ้นเช่นกัน เพราะว่าในสภาวะของโลกไร้พรมแดนกำลังใกล้ความเป็นจริงเข้ามาทุกขณะ ดังนั้นถึงแม้เราจะไม่ขยับเรื่องของเทคโนโลยีชีวภาพ แต่ หากประเทศอื่นทำกันเป็นปกติและมีความพร้อมถึงขั้นผลิตเป็นการค้าได้แล้ว กติกาของโลกในอนาคตคงปิดโอกาสการเติบโตของเราอย่างแน่นอน หากเราไม่มีการเตรียมพร้อมรองรับเรื่องนี้อย่างจริงจัง
อุปสรรคของเมืองไทยวันนี้คือความไม่เข้าใจถึงความสำคัญของเทคโนโลยี ชีวภาพอย่างแท้จริง พอได้รับการต่อต้านโดยเสียงของคนกลุ่มหนึ่ง รัฐบาลก็เริ่มไม่แน่ใจและไม่กล้าฟันธงตัดสินใจอะไรออกมา จึงปล่อยให้ลอยเท้งเต้งคาราคาซังอยู่แบบนี้ และคงจะเป็นไปอย่างนี้ในทุกยุคทุกสมัย หากคนไทยเราเองยังไม่พยายามทำความเข้าใจเทคโนโลยีตัวนี้ให้ดี ดังนั้นผมจึงขอใช้โอกาสนี้ในการสร้างความเข้าใจให้เห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อ ให้เกิดความคิดที่หลากหลายและเปิดใจกว้างพอที่จะรับฟังความเห็นในแง่มุม ต่างๆ เพื่อเตรียมรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ครับ
รศ.ดร.พีรเดช ทองอำไพ