จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
เอเอฟพี – คุกกีโอริโอ และครีมโกนหนวดยิลเลตต์ อยู่ในรายชื่อสินค้าที่กำลังผลักดันให้มีการเผาป่าในอินโดนีเซีย องค์การรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม “กรีนพีซ” ระบุในรายงานซึ่งนำออกเผยแพร่วันนี้ (22 ต.ค.) ขณะที่กล่าวหา วิลมาร์อินเตอร์เนชันแนล บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเกษตรของสิงคโปร์ว่า “ใช้วิธีสกปรก” เพื่อจัดหาน้ำมันปาล์มมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าเหล่านี้
ในรายงานที่มีชื่อว่า “ใบอนุญาตฆ่า” (Licence to Kill) ของกรีนพีซ ระบุว่า บริษัท วิลมาร์ ซึ่งมีฐานในสิงคโปร์ และเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลก ใช้วิธีตัดโค่นต้นไม้จากนั้นก็เผาพื้นที่ป่าให้ราบอย่างผิดกฎหมาย เพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน และทำลายสิ่งมีชีวิตที่ใกล้จะสูญพันธ์เต็มทีอย่างเสือสุมาตรา
บุสตาร์ ไมตาร์ ผู้อำนวยการองค์การรณรงค์พิทักษ์ป่าไม้ของกรีนพีซ ในอินโดนีเซียกล่าวว่า “หากวิลมาร์ ยังไม่ทำตามนโยบายห้ามตัดไม้ทำลายป่า การขายน้ำมันปาล์มให้บริษัทผู้ผลิตสินค้าในครัวเรือนเจ้าใหญ่ๆ... ก็เท่ากับว่า ผู้บริโภคต้องกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ในการทำให้เสือสุมาตราที่เหลือเพียง 400 ตัวในอินโดนีเซียสูญพันธุ์ โดยไม่รู้ตัว”
เว็บไซต์ของบริษัทระบุว่า วิลมาร์ผลิตน้ำมันปาล์มเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของโลก และน้ำมันปาล์มของบริษัทนี้ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตคุกกีโอริโอ ครีมโกนหนวดยิลเลตต์ และโฟมล้างหน้ายี่ห้อเคลียราซิล ตลอดจนสินค้าครัวเรือนอื่นๆ ในกว่า 50 ประเทศ
กรีนพีซเผยว่า น้ำมันปาล์มของวิลมาร์ ส่วนหนึ่งยังคงมาจากลูกปาล์มซึ่งอยู่ในสวนปาล์มน้ำมันที่ใช้วิธีเคลียร์ พื้นที่อย่างผิดกฎหมาย ในอุทยานแห่งชาติ เทสโซนีโล อันเป็นเขตสงวน และถิ่นที่อยู่สำคัญของเสือบนเกาะสุมาตรา
นอกจากนี้ รายงานยังชี้ด้วยว่า เหตุหมอกควันหนาทึบเข้าปกคลุมมาเลเซีย และสิงคโปร์นานหลายสัปดาห์ ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จนผลักให้ค่ามลพิษทางอากาศขึ้นสู่จุดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพนั้น ส่วนหนึ่งเป็นควันจากไฟที่มอดไหม้พื้นที่อนุญาตเพาะปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นลูกช่วงของบริษัท วิลมาร์
ทางด้าน บริษัท วิลมาร์ ได้ปฏิเสธคำกล่าวที่ว่า ผู้ปลูกปาล์มน้ำมันให้บริษัท เจตนาจุดไฟเผาเพื่อเคลียร์พื้นที่เกษตร โดยระบุในคำแถลงว่า เปลวไฟจากพื้นที่ใกล้เคียงลุกลามมายังพื้นที่เพาะปลูกของบริษัทเอง
“ตอนนี้เรากำลังทำงานร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทานระดับ นานาชาติ เพื่อทบทวนแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจ เป็นต้นว่า นโยบายเพาะปลูก” ลิม ลี โฆษกของวิลมาร์กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
ทั้งนี้ วิลมาร์คือบริษัทล่าสุดที่ตกเป็นเป้าโจมตีของกรีนพีซ ซึ่งคอยเพ่งเล็งบริษัทที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง และรณรงค์ให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อสินค้าของบริษัทที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวด ล้อม
ก่อนหน้านี้ เนสท์เล่ และเอเชียพัลพแอนด์เปเปอร์ บริษัทผู้ผลิตกระดาษเจ้าใหญ่ ได้ออกมาให้คำมั่นว่าจะดำเนินนโยบายห้ามตัดไม้ทำลายป่า หลังจากถูกกรีนพีซเปิดโปงว่า พวกเขาใช้แนวทางบริหารธุรกิจที่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต