จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
นักวิจัยดีเอ็นเอเผยโอกาสเกิดมะเร็งกว่าร้อยละ 90 มาจากพฤติกรรมการกินอยู่ สิ่งแวดล้อม และการรับสิ่งแปลกปลอมเข้าร่างกาย ส่งผลยีนกลายพันธุ์เพาะเชื้อมะเร็ง ชี้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม-ล้างพิษช่วยลดได้ ขณะคีโม-ฉายรังสีโอกาสหายมีน้อย เตือนใช้สเต็มเซลล์ยิ่งเร่งมะเร็งโต เผยมีเคสตัวอย่างดูดีแต่ภายนอก แต่ดีเอ็นเอพรุนหมด
รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ทางเอเอสทีวี ดำเนินรายการโดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ วันที่ 16 ก.พ. รศ.ดร.คล้ายอัปสร พงศ์รพีพร อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และกรรมการห้องปฏิบัติการฮาร์ท จีเนติกส์ แขกรับเชิญในรายการ ได้กล่าวถึงการทำงานของห้องปฏิบัติการฮาร์ท จีเนติกส์ว่า ได้ทำงานเกี่ยวกับการวิจัยถอดรหัสดีเอ็นเอที่เกี่ยวกับโรคเรื้อรัง เช่น หลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน และที่ทำอยู่ปัจจุบันคือคือการตรวจมะเร็งตั้งแต่ก่อนขั้นที่ 1 ซึ่งยังไม่ป่วยเลย การตรวจดีเอ็นเอผู้ป่วยมะเร็งที่ป่วยแล้วว่าหายป่วยหรือยัง การตรวจการตอบสนองของผู้ป่วยมะเร็งเพื่อวางแผนการรักษา การตรวจทั้งหมดจะใช้ฐานข้อมูลจีโนมมนุษย์ที่สหรัฐอเมริกาและประเทศทางตะวัน ตกได้ร่วมกันวิจัยเอาไว้เป็นเวลา 13 ปี ใช้เงินมากกว่า 3 พันล้านเหรียญ โดยมีฐานข้อมูลจีโนมมนุษย์ 13 คน ให้เราใช้โดยไม่คิดมูลค่า
รศ.ดร.คล้ายอัปสรกล่าวต่อว่า การเป็นมะเร็งนั้น มีทั้งติดตัวมาตั้งแต่เกิด เรียกว่าเป็นกรรมพันธุ์ เราสามารถเก็บเซลล์ในร่างกายมาถอดรหัสดีเอ็นเอเพื่อดูว่าเกิดมะเร็งที่ตรง ไหน เมื่อตรวจพบก็สามารถก็เอาไปตรวจในคนที่ยังไม่ป่วยได้ เพื่อหาทางป้องกัน ซึ่งตำแหน่งที่ตรวจพบในชิ้นเนื้อของคนที่ป่วย สามารถบอกได้ว่าคนที่ยังไม่ป่วยจะป่วยเป็นมะเร็งอะไร และบางกรณีสามารถบอกได้ว่าจะป่วยภายในกี่ปี
ส่วนสาเหตุการเกิดมะเร็งอีกสาเหตุหนึ่งคือการกลายพันธุ์ของยีน เรียกว่า ยีนโซมาติก ซึ่งเมื่อเราตรวจพบก็สามารถบอกได้เช่นกันว่าจะเป็นมะเร็งอะไร โดยการเกิดยีนโซมาติกนี้มาจากพฤติกรรมการกินอยู่ หรือการรับสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย เมื่อตรวจพบแล้วสามารถป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งได้ ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมและหยุดการเอาสิ่งแปลกปลอมจากข้างนอกเข้าไปในร่างกาย มีเคสที่เราตรวจพบยีนโซมาติกเพียงนิดเดียว ซึ่งแค่เปลี่ยนพฤติกรรมก็สามารถหยุดการเป็นมะเร็งได้ แต่เขาไม่เปลี่ยนพฤติกรรม กลับไปเอาอะไรบางอย่างเข้าไปในร่างกาย ทำให้ขณะนี้มียีนโซมาติกเต็มไปหมด และถ้าทิ้งไว้จะเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะหากดีเอ็นเอส่วนที่ทำหน้าที่ป้องกันมะเร็งที่เรียกว่ายีนนางฟ้าไม่ สามารถทำหน้าที่ได้ หรือยีนที่ทำหน้าที่ซ่อมแซมตัวเอง ทำงานไม่ได้ ก็จะทำให้เป็นมะเร็งทันที
การเกิดยีนโซมาติกนั้น เกิดได้ทั้งจากสิ่งแวดล้อมพฤติกรรมการกินอยู่ และกรรมพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์มาจากสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมรวมทั้งการรับเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไป ในร่างกาย เมื่อเป็นแล้วต้องหาทางให้ภูมิคุ้มกันกลับคืนมา ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรม และอย่าทำอะไรที่ทำให้สถานการณ์แย่ลง มีกรณีศึกษาที่เราตรวจพบและแนะนำให้ปรับเปลี่ยนวิธีการกินอยู่ แต่เขาไม่ทำตาม กลับไปฉีดเอาอะไรบางอย่างเข้ามา คือ สเต็มเซลล์จากสัตว์ ซึ่งตอนนนี้เขากำลังจะป่วยเป็นมะเร็งแล้ว
จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ มีผู้มะเร็งในไทยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 1 แสนคน เสียชีวิตปีละ 6 หมื่นคน หรือเฉลี่ยแล้วทุกวันมีผู้ป่วยมะเร็งใหม่ 11.5 คน เสียชีวิต 1 คนในทุกๆ 10 นาที โดยผู้ป่วยใหม่ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันนั้น 9 คนพบว่า ไม่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งมาก่อน อยู่ๆ ก็เป็น นั่นเพราะเกิดยีนโซมาติกจากพฤติกรรมการกินอยู่ ซึ่งหากยีนโซมาติกยังน้อยอยู่ก็สามารถแก้ไขได้
รศ.ดร.คล้ายอัปสร กล่าวว่า การรักษามะเร็งด้วยการทำคีโมหรือการฉายรังสีนั้น สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ แต่ก็ไปสร้างมะเร็งตัวใหม่ขึ้นมา หรือไปเลี้ยงให้มะเร็งอีกชนิดเติบโตขึ้นมาได้ ส่วนการฉีดสเต็มเซลล์นั้น เนื่องจากเป็นเซลล์อ่อน จึงแพร่กระจายไปทุกที่ในร่างกาย และไปเลี้ยงเซลล์มะเร็งหรือไปเจอเซลล์ปกติในร่างกายที่มีลักษณะคล้ายกัน เช่น ไขกระดูกสันหลัง ก็จะเข้าไปแทรกกันอยู่
ในร่างกายของเรานั้นมีกลไกการป้องกันอยู่แล้ว โดยมียีนที่เรียกว่า ยีนล้างพิษหรือยีนขับสารพิษ ยีนซ่อมยีน ยีนก่อมะเร็ง ยีนกำจัดเซลล์มะเร็ง และยีนของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งแล็บของเราจะตรวจยีนล้างพิษหรือยีนขับสารพิษเป็นหลัก ถ้าตรวจแล้วพบว่ายังปกติอยู่ ก็แนะนำว่าอย่าไปทำอะไรที่เป็นพฤติกรรมแย่ๆ จนทำให้ยีนทำงานไม่ไหว อย่างไรก็ตาม บางคนที่ร่างกายอ่อนแอ อาจมียีนชนิดนี้น้อย ก็ยิ่งต้องระวังอย่ารับอะไรแปลกปลอมเข้ามา เช่น เป็นเด็ก หากไปฉีดวัคซีนอาจทำให้เป็นออทิสติก ซึ่งเมื่อตรวจเจอ พ่อแม่ก็ต้องระมัดระวังว่าหลังลูกคลอดต้องไม่ให้รับอะไรแปลกปลอมเข้ามา
รศ.ดร.คล้ายอัปสรกล่าวอีกว่า ยีนโซมาติกสามารถทำให้หายได้ โดยมีงานวิจัยระบุว่า เวลาเรามีสมาธิร่างกายเราจะหลั่งสารภูมิคุ้มกันออกมา กรณีที่กลุ่มสันติอโศกทำการล้างพิษตับ ดื่มน้ำผักผลไม้ ดื่มน้ำด่าง ลดการรับประทานเนื้อสัตว์ ก็น่าจะเปลี่ยนยีนโซมาติกได้ เนื่องจากมีงานวิจัยของฝรั่งรองรับว่าการลดการรับประทานเนื้อแดงนั้นสามารถ ช่วยได้ เพราะเราลดการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย เอาแต่สิ่งที่เป็นธรรมชาติเข้าไป ลดอาหาร พิษที่สะสมในร่างกายก็จะออกมา จึงลดยีนโซมาติกลงได้
การรักษามะเร็งด้วยการใช้สารเคมีหรือฉายรังสีนั้น ไม่ใช่คำตอบ เว้นแต่จะโชคดีจริงๆ หากสารเคมีที่ใช้มีความสดคล้องกับเซลล์มะเร็งที่เป็น หากเปรียบเซลล์มะเร็งเป็นผู้ร้าย การใช้คีโมหรือฉายรังสีก็เหมือนกับตำรวจปิดตายิงผู้ร้าย ซึ่งนอกจากอาจจะยิงผู้ร้ายไม่โดนแล้ว ยังไปโดนคนอื่นที่ไม่ใช่ผู้ร้ายด้วย
สำหรับแล็บที่ทำอยู่ มีการตรวจมาแล้วประมาณเกือบ 1 พันตัวอย่าง เริ่มจากฐานข้อมูลเดิมที่เป็นการตรวจหลอดเลือดหัวใจ ตอนหลังที่เราทำอยู่เป็นการตรวจหามะเร็ง ซึ่งเราสามรารถพัฒนายีนมาร์กเกอร์ของเราขึ้นมา และมียีนตัวอย่างของคนไทยเก็บไว้ เมื่อเราตรวจ เราสามารถมองเห็นเลยว่า มีการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอที่จะทำให้เราป่วยในอนาคตมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เราไม่รู้ตัว เวลามาหาแพทย์ก็รักษายากแล้ว เป็นถึงขั้นที่ 3 หรือ 4 แล้ว เพราะเราคิดว่า เราสบายดี ประวัติครอบครัวไม่มีใครเป็นมะเร็ง เราไม่กังวล และละเลยที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เมื่อมาตรวจเจอก็ป่วยเป็นมะเร็งแล้ว
รศ.ดร.คล้ายอัปสรย้ำว่า การลกความเสี่ยงของการเกิดยีนโซมาติกต้องแก้ที่พฤติกรรมการกินอยู่ ซึ่งการล้างพิษตับก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง มีสถิติที่โรงพยาบาลอุบลราชธานีทำไว้เป็นเวลากว่า 10 ปี โดยให้ผู้ป่วยมะเร็งเลือกเอาว่าจะรักษาแบบแผนปัจจุบัน หรือจะไปกินยาต้มยาหม้อ ปรากฏว่าผู้ป่วยที่กินยาต้มยาหม้อสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าพวกที่รักษา โดยใช้เคมี แต่งานวิจัยนี้ไม่ได้เผยแพร่ เพราะมีความขัดแย้งกันอยู่
นอกจากนี้ อยากเตือนเรื่องการใช้สเต็มเซลล์ที่กำลังนิยมกัน ทั้งเพื่อความงามและรักษามะเร็ง การใช้สเต็มเซลล์จะมีดีเอ็นเอแปลกปลอมจากสัตว์เข้ามาในร่างกายของเรา เคยเจอบางคนที่ใช้สเต็มเซลล์แล้วดูดี ผ่องใสแต่ภายนอก แต่ดีเอ็นเอพรุนไปหมดจากการฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้าไป
รศ.ดร.คล้ายอัปสรกล่าวในตอนท้ายว่า การจะตรวจอีเอ็นเอหรือไม่ตรวจนั้น ถ้าเรามีพฤติกรรมดี พฤติกรรมที่ถูกต้อง ถ้ากลัวเรื่องสารพิษ เราก็มีทางเลือกแบบการล้างพิษ ซึ่งถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องตรวจ เพราะค่าตรวจแพง แต่ถ้าบางคนสงสัย ก็อาจต้องตรวจ โดยการตรวจอาจเปรียบเทียบกันก่อนกับหลังการล้างพิษ หรือล้างพิษแล้วมาตรวจก็จะชัดมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้สนใจตรวจเเอ็นเอ สามารถติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-8698870-71
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต