สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เขาหลวง สุโขทัย(1) : ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ พิชิตยอด = พิชิตใจ/ปิ่น บุตรี

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
ครั้งหนึ่งในชีวิต กับการพิชิตยอดเขาหลวง
       ท่ามกลางสายธารอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของเมืองมรดกโลกสุโขทัย มีความยิ่งใหญ่ของธรรมชาตินามว่า“เขาหลวง”อยู่ เคียงคู่กับอาณาจักรรุ่งอรุณแห่งความสุขแห่งนี้มาช้านาน โดยหลักฐานที่เด่นชัดปรากฏในหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงหลักที่ 1(จำลอง) ด้านที่ 3 มีความว่า
       
       ...เบื้องหัวนอนเมืองสุโขไทนี้ มีกุดีพิหารปู่ครูอยู่ มีสรีดภงส มีป่าหมากป่าลาง ป่าม่วง ป่าขาม มีน้ำโคก มีพระขพุงผี เทพยาดาในเขาอันนั้น เปนใหญ่กว่าผีในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือเมืองสุโขไทนี้แล ไหว้ดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยง เมืองนี้ดี ผิไหว้บ่ดี พลีบ่ถูก ผีในเขาอันบ่คุ้มบ่เกรง เมืองนี้หาย...
       
       “เขาอันนั้น” ในศิลาจารึกนี้ก็คือ “เขาหลวง” ขุนเขาอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีเส้นทางเดินขึ้นไปพิชิตยอดโหดหินติด 1 ใน 10 ของเมืองไทย
ยอดเขาหลวง มองจากที่ทำการอุทยานฯเห็นอยู่เบื้องบนแบบใกล้ตา ไกลตีน
       เขาหลวง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์
       
       เขาหลวง อุทยานแห่งชาติรามคำแหง จ.สุโขทัย นอกจากจะเป็นดินแดนที่มีสภาพธรรมชาติอุดมสมบูรณ์แล้ว ที่นี่ยังเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ ที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยแห่งอดีตกาลให้ได้สืบค้นเรียนรู้กัน โดยเฉพาะการเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญมานับแต่โบราณกาล ในสมัยกรุงสุโขทัย “พ่อขุนรามคำแหง” โปรดฯให้สร้างอ่างดินขนาดใหญ่เพื่อใช้กักเก็บน้ำ ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นเขื่อนสรีดภงส์ในเวลาต่อมา
       
       ขณะที่บริเวณเขาหลวงวันนี้มีร่องรอยอดีตของโบราณสถาน รวมถึงสถานที่สำคัญๆที่เกี่ยวพันกับอดีตอันรุ่งโรจน์ของเขาหลวงปรากฏอยู่ ทั่วไป อาทิ สรีดภงส์(ทำนบพระร่วง) โซกพระร่วงลองพระขรรค์ ถนนพระร่วง เขาแม่ย่า เขาเจดีย์งาม เป็นต้น ส่วนรอบๆเขาหลวงมีซากเมืองโบราณตั้งอยู่กระจัดกระจาย ไม่ว่าจะเป็น เมืองเพชร เมืองศรีคีรีมาศ เมืองบางพาน เมืองกันเตาและอีกหลายๆเมือง
ประตูสู่การเดินขึ้นพิชิตยอดเขาหลวง
       นอกจากนี้เขาหลวงยังมีตำนานเล่าขานต่างๆมากมาย ทั้งตำนานที่น่าจะเป็นจริงเพราะมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้อ้างอิงพิสูจน์ ได้ ตำนานลี้ลับ ตำนานเหนือจริงอันเต็มไปด้วยกฤษดาภินิหาร โดยหนึ่งในตำนานสำคัญของขุนเขาแห่งนี้ก็คือ ตำนานการถือกำเนิดของ“พระร่วง” ที่ย้อนอดีตไปในยุคก่อนอาณาจักรสุโขทัยถือกำเนิด
       
       ตำนานนี้เล่าขานว่า พระอภัยคามินีกษัตริย์แห่งดินแดนแถบนี้ได้ออกมาจำศีลที่เขาหลวง และมาพบรักกับธิดาพญานาคที่ปลอมตัวเป็นหญิงงามขึ้นมาจาก“ปล่องนางนาค
       
       ทั้งคู่ต่างครองรักกันจนธิดาพญานาคตั้งครรภ์ แต่เนื่องจากเป็นผู้มีบุญ โอรสที่คลอดจึงออกมาจากการสำรอกโดยไม่มีรก ณ ถ้ำบนเขาหลวง ที่ต่อมาถูกเรียกขานกันว่า ถ้ำ“มเห-รก”(หมายถึงไม่มีรก)
เส้นทางเดินป่าสูงชันสู่ยอดเขาหลวง
       โอรสผู้นี้มีนามว่า “อรุณราชุกมาร” ซึ่งก็คือ “พระร่วง” วีรบุรุษผู้เป็นตำนานแห่งอาณาจักรสุโขทัย (เรื่องของพระร่วงมีหลากหลายตำนาน แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นกษัตริย์องค์ใดในสมัยกรุงศรีอยุธยา หากแต่หลังจากพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ได้มีการส ถาปนา“ราชวงศ์พระร่วง”ขึ้น ข้อมูลส่วนใหญ่จึงยึดถือให้พ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ พระร่วง)
       
       และด้วยตำนานนี้ทำให้ใครหลายๆคนเชื่อว่า “เขาหลวง”เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองสุโขทัยนับจากอดีตถึงปัจจุบัน
       
       เขาหลวง เขาสรรพยา
       
       ความสำคัญของเขาหลวงอีกอย่างหนึ่งที่ปรากฏเด่นชัดก็คือ ที่นี่เป็นแหล่งสมุนไพรชั้นดี มีพันธุ์ไม้สมุนไพรมากกว่า 265 ชนิด อาทิ รางจืด เปล้าน้อย กระวาน มะขามป้อม โด่ไม่รู้ล้ม อบเชย กระวาน เจ็ดกำลังช้างสาร เจ็ดกำลังวัวเถลิง ดีหมี ฯลฯ
สวนพืชสมุนไพรที่ทางอุทยานฯจัดทำไว้
       ในอดีตแหล่งสมุนไพรที่นี่ถือเป็นแหล่งยาที่สำคัญของเมือง มีการแบ่งพื้นที่เป็น “สวนลุ่ม”กับ“สวนขวัญ” สวนลุ่มตั้งอยู่ด้านล่างตรงเชิงเขาเป็นแหล่งยาของชาวบ้าน สวนขวัญตั้งอยู่บนเขาเป็นแหล่งสมุนไพรของกษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ และชนชั้นสูง
       
       ปัจจุบันทางอุทยานฯได้มีการจัดพื้นที่ นำสมุนไพรในเขาหลวงมาปลูกทำเป็นสวนพืชสมุนไพรไว้ตรงด้านซ้ายของทางขึ้นเขา หลวงเอาไว้ให้ผู้สนใจได้ศึกษากัน
       
       ทางสูงชัน ไม่หวั่นไหว
       
       “ใกล้ตา ไกลตีน”
       
       นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมมีความรู้สึกเช่นนี้ หลังจากพี่ “ทนงค์ อ้นทอง” นักวิชาการเกษตร หนึ่งในทีม สื่อความหมาย อช.รามคำแหง ชี้ให้ดูยอดเขาหลวงที่ตั้งตระหง่านเงื้อมอยู่เบื้องบน
หลวงพ่อพุทธพิทักษ์พนาวัน
       พี่ทนงค์คนนี้เป็นผู้ช่ำชองเขาหลวงตัวยง แกเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่อุทยานฯที่รับอาสานำผมกับคณะเดินตะลุยขึ้นสู่ยอด เขาหลวงอันสมบุกสมบัน
       
       จากจุดสตาร์ทตรงซุ้มประตูใต้ต้นไม้ใหญ่ พี่ทนงค์พาพวกเราไปสักการะ “หลวงพ่อพุทธพิทักษ์พนาวัน” ที่ประดิษฐานอยู่ถัดจากซุ้มประตูปากทางขึ้นเข้ามาหน่อย เพื่อความเป็นสิริมงคล เอาฤกษ์เอาชัย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากการเดินทาง หลังจากนั้นการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 9 โมงปลายๆ
       
       งานนี้เห็นระยะทางเบาะๆแค่ 3.7 กม. แต่ประทานโทษ!!! มันช่างชันนัก เฉลี่ยแล้วความชันอยู่ที่ประมาณ 35-40 องศา แถมเป็นทางเดินชันแบบขึ้น ขึ้น และขึ้นอย่างเดียว แถบไม่มีทางราบให้ได้พักน่อง เดินสบายๆแบบการเดินดูสาวๆตามห้างสรรพสินค้าเลย
ลูกหาบ ผู้แข็งแรงแห่งงเขาหลวง
       พี่ทนงค์บอกกับผมในระหว่างเดินไปคุยไปว่า เส้นทางพิชิตยอดเขาหลวงนี้คนปกติทั่วใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 3-5 ชั่วโมง แต่สำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เข้าร่วมแข่งกันกิจกรรมพิชิตยอดเขาหลวง หลายๆคนใช้เวลา(วิ่ง)ขึ้นเขาหลวงเพียงแค่ 40 นาทีกว่าๆเท่านั้น ส่วนผู้ที่เดินช้าสุดใช้เวลา 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ก็ยังมีคนอายุ 72 ได้เดินขึ้นไปพิชิตยอดเขาหลวงมาแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่มีเรี่ยวแรงอยู่ไม่ต้องกลัว เดินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องรีบ
       
       สำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์อีกพวกหนึ่งที่ผมขอคารวะให้ก็คือ เหล่าพี่ๆลูกหาบที่เห็นหน้าตาของแต่ละคนดูออกไปทางพ่อหาบ ลุงหาบ หรือปู่หาบมากกว่า พี่ๆพวกนี้เขาเดินหาบคอนสัมภาระอันหนักอึ้งของพวกเราไปแบบเรื่อยๆแต่มั่นคง แถมยังเร็วกว่าชาวคณะของผมอยู่ไม่น้อย
สิ่งน่าสนใจในรายทาง
       ระหว่างเดินหอบแฮ่กๆขึ้นเขา ผมพบว่าตัวผมกับพี่ทนงค์กับผมมีความเหมือนกันอยู่อย่าง คือเราทั้งคู่ต่างมีหุ่นอาเสี่ยไว้ซิกพุงแทนซิกแพคให้สาวๆในที่อโคจรหยิก หยอกเล่นเหมือนกัน ส่วนที่ต่างกันมากก็คือพี่ทนงค์แกสามารถเดินขึ้นเขาได้คล่องปรื๋อยังกับมี วิชาตัวเบา ขณะที่ผมแม้จะงัดเอาชื่อผู้เยี่ยมยุทธ์ด้านวิชาตัวเบาทั้งหลายแหล่มาท่อง เป็นคาถา ไม่ว่าจะเป็น ชอลิ้วเฮียง ลี้คิมฮวง เอี๊ยบไค เล็กเซี่ยวหงส์ ซีคงเตี๊ยะแช แต่กระนั้นก็ยังคงเดินอืดถืดไม่ต่างอะไรจากการเข็นครกขึ้นภูเขา
       
       สิ่งน่าสนใจรายทาง
       
       จากจุดเริ่มต้นเราเดินผ่านจุดสำคัญๆ อย่าง ประดู่ใหญ่ มออีหก มาแวะพักเหนื่อยตรงจุดชมวิว ที่สามารถมองลงไปเห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างได้ดีทีเดียว
       
       “เขาลูกแหลมๆที่เห็นนั่นเรียกเขานมสาวครับ”
       
       พี่ทนงค์บอกกับผม ซึ่งนมสาวนะผมชอบแต่กับเขานมสาวนี่เห็นทีจะต้องขอบาย เพราะมันมีนมสาวแค่ข้างเดียว งานนี้เราจึงออกเดินหน้าต่อไปแวะพักกินข้าวกลางวันกันที่บริเวณต้นตะเคียน คู่
ปรงต้นใหญ่ในเส้นทางพิชิตยอด
       ตะเคียนคู่ เป็นตะเคียนใหญ่ต้นเดียวแต่มีโคนแตกออกมาเป็นคู่ ดูไกลคล้ายๆต้นตะเคียน 2 ต้น ซึ่งใครที่หากมาเดินแถวนี้ตอนเย็นค่ำๆแล้วเห็นชุดไทยที่มีผู้นำแก้บนมาแขวน ไว้ใต้ตะเคียนต้นนี้ บางทีอาจเข้าใจผิดหรือเห็นผิดถึงกับวิ่งป่าราบชนิดที่อาจเป็นผู้ทำสถิติขึ้น หรือลงเขาหลวงเร็วที่สุดคนใหม่ก็เป็นได้
       
       หลังอิ่มหนำสำราญ ได้น้ำได้ท่าจากธรรมชาติที่ทางอุทยานฯต่อท่อจากตาน้ำลงมาพักไว้ในถังให้นัก ท่องเที่ยวได้เติมเป็นระยะๆแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อ
       
       เส้นทางในช่วงครึ่งหลัง ความชันไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าช่วงแรก เพียงแต่ว่าระหว่างทางมีสิ่งน่าสนใจให้ชม ให้ถ่ายรูปมากกว่า ซึ่งผมถือโอกาสนี้แวะหยุดพักไปในตัว
       
       จุดแรกเป็นกลุ่มต้นปรงต้นใหญ่ในป่าไผ่ที่ผมเห็นเส้นทางเดินชันดิกในเบื้องหน้าแล้ว บอกได้เลยว่า “ปลงไม่ตก”
ต้นไทรยักษ์แผ่สยายรากดูอลังการ
       ต่อมาเป็นจุด “ไทรงาม” ณ กม.ที่ 3 (ระยะทาง 3,000 เมตรนับจากเริ่มต้น) ที่ถือเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เพราะที่นี่มีต้นไทรยักษ์หลายสิบคนโอบ อายุนับร้อยๆปียืนต้นตระหง่านยึดเกาะบนก้อนหินใหญ่ ทิ้งรากไทรให้ย้อยห้อยระย้าแผ่เป็นผืนม่านอันตระการตาชนิดที่เห็นแล้วอดหนึก ถึงเพลง “ม่านไทรย้อย”ไม่ได้
ม่านรากไทรที่แผ่สยายของต้นไทรยักษ์
       ไทรต้นนี้แม้ได้ชื่อว่าเป็น “นักบุญแห่งผืนป่า นักฆ่าเลือดเย็น” แต่กับไทรยักษ์ต้นนี้ผมขอยกให้เป็นพระเอกแห่งผืนป่าที่ถือเป็นไฮไลท์ประจำ เส้นทางขึ้น-ลงเขาหลวงเลยทีเดียว
       
       จากต้นไทรใหญ่เหลือระยะทางสู่ยอดเขาเพียงแค่ 700 เมตร แต่เป็น 700 เมตรที่ยังโหดหินเหมือนเส้นทางช่วงที่ผ่านๆมา พี่ทนงค์พาผมมาแวะดู “ปล่องนางนาค” ในจุดต่อมา
รูปล่องนางนาค
       ปล่องนางนาคเป็นรูเล็กๆลึกแคบลงไปในพื้นดิน ปล่องนี้เชื่อว่าเป็นเส้นทางพญานาคที่ธิดาพญานาคได้ขึ้นมาพบรักกับพระอภัยคา มินี แล้วให้กำเนิดโอรสคือพระร่วงตามตำนานที่ผมเล่าไว้ในข้างต้น
       
       สู่จุดหมาย
       
       จากปล่องนางนาคไปนับว่าใกล้ถึงยอดเต็มที แต่พี่ทนงค์ได้ลดกำลังใจด้วยการบอกว่า ยังเหลือทางชันมากในช่วงสุดท้ายอีกเนินหนึ่งหลังเดินเลยจากจุดพระยาแล่นเรือ ไป
เส้นทางสูงชัน มีให้สัมผัสเกือบตลอดเส้นทาง
       เนินส่งท้ายนี้ไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการในสารบบ แต่มีฉายาที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯเรียกขานใน 2 ชื่อแสนกิ๊บเก๋ ว่า “เนินหนุ่มเข่าอ่อน” หรือ “มอตะคริว”
       
       “มีหลายคนคิดว่ามาถึงเนินสุดท้ายแล้ว เลยรีบจ้ำอ้าววิ่งขึ้นไป ทำเอาเข่าอ่อนเป็นตะคริวกันมามากแล้ว ผมแนะนำว่าให้เดินไปเรื่อยๆไม่ต้องรีบ”
       
       งานนี้เชื่อผู้เชี่ยวชาญดีที่สุด ผมจึงรวบรวมลมปราณอีกครั้ง ค่อยเดินขึ้นไปแบบไม่เร่งรีบ เพราะจุดหมายอยู่อีกไม่ไกล เมื่อเดินขึ้นไปอีกสักพักก็ได้เฮ!!! เพราะเรามาถึงแล้ว ยอดเขาหลวง ณ ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร
ยอดเขาหลวง ความงามที่รอให้นักเดินทางผู้นักความท้าทายขึ้นไปสัมผัส
       ผมเช็คเวลาจากจุดเริ่มเดินใช้เวลาไปประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆนับว่าไม่เลว ซึ่งสำหรับ เส้นทางเดินขึ้นเขาหลวงสายโหดหินนี้ การขึ้นมาพิชิตยอดได้ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมไม่ใช่การเอาชนะอุปสรรคความยากลำบากที่เผชิญมา หากแต่เป็นการเอาชนะใจตนเองที่ไม่ยอมย่นย้อท้อถอยต่ออุปสรรค
       
       นอกจากนี้เส้นทางพิชิตยอดเขาหลวงยังสอนใจผมว่า เป้าหมายไม่ได้มีไว้ให้พุ่งชนเหมือนอย่างโฆษณา หากแต่เป้าหมายของที่นี่มีไว้ให้เราได้ขึ้นไปพิชิตแบบไม่เร่งรีบร้อนรน หากแต่รู้ในศักยภาพ เรี่ยวแรงกำลังของตัวเอง
       
       บางครั้งหลายๆเรื่องราวในชีวิตหากเร่งรีบใจร้อนเกินไป อาจจะทำให้เป้าหมายที่หวังตั้งใจไว้พังทลายก็เป็นได้...(อ่านต่อตอนหน้า : สัมผัสความงาม ชมพระอาทิตย์ตก-ขึ้น บนยอดเขาหลวง)
       
       *****************************************
ป้ายบอกทางแสดงจุดสำคัญๆในเส้นทางสู่ยอดเขาหลวง
       เขาหลวง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติรามคำแหง ป่าเขาหลวงมีเนื้อที่ประมาณ 341 ตร.กม. ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอใน จ.สุโขทัย คือ อ.คีรีมาศ อ.เมือง และ อ.บ้านด่านลานหอย ตั้งอยู่จากตัวจังหวัดสุโขทัยประมาณ 30 กม.
       
       การเดินทาง สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางกรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-พรานกระต่าย-คีรีมาศ เข้าถึงที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 423 ก.ม. และเส้นทาง กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-สุโขทัย-คีรีมาศ ระยะทางประมาณ 457 ก.ม.
       
       การเดินทางขึ้นเขาหลวง ควรฟิตเตรียมร่างกายให้พร้อม บนยอดเขาหลวงมีที่พักเป็นสถานที่กางเต็นท์ โดยทางอุทยานฯมีเต็นท์จำนวนหนึ่งไว้ให้เช่าบริการ รวมถึงอุปกรณ์เครื่องนอนต่างๆ ขณะที่ผู้นำเต็นท์ไปเองเสียค่าใช้พื้นที่ 30 บาท/คน/คืน นอกจากนี้ยังมีร้านสวัสดิการอยู่ข้างบน มีสินค้าของกินบ้างอย่างขาย เช่น น้ำอัดลม ปลากระป๋อง บะหมี่สำเร็จรูป ในราคามากกว่าพื้นล่างประมาณ 2 เท่า เพราะต้องเสียค่าลูกหาบแบกขึ้นมา
       
       บนเขาหลวงต้องนำอาหารขึ้นมาเอง ด้านบนไม่มีขาย โดยมีจุดก่อไฟและจุดทำอาหารที่ทางอุทยานฯจัดเตรียมไว้ให้ ส่วนน้ำดื่มมีน้ำดื่มสะอาดจากธรรมชาติไว้บริการ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ แยกชายหญิง มีไฟปั่นเปิดให้บริการในช่วงค่ำถึงเวลา 4 ทุ่ม
       
       ผู้สนใจสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเขา หลวงเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาหลวง 0-5591-0000-1 นอกจากนี้ยังสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวเชื่อมโยงในสุโขทัยได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานสุโขทัย 0-5561-6228-9

ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags : เขาหลวง สุโขทัย ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ พิชิตยอด พิชิตใจ ปิ่น บุตรี

view