สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เปิดเครือข่ายธุรกิจ กุมผลประโยชน์รัฐ

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เฉลา  กาญจนา


คำว่า..พวกใครพวกมัน ดูเหมือนกำลังจะแพร่กระจายไปทั่ว แต่ที่เห็นได้ชัด ดูเหมือนจะเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้

จำนวนมาก เห็นได้จากการวาง "เครือข่าย"เข้ามาสานผลประโยชน์กับโครงการของรัฐและหน่วยงานของรัฐ จากกลุ่มธุรกิจ กลุ่มเครือข่ายการเมือง และกลุ่มอำนาจของใครบางคน

การบริหารบ้านเมืองแบบสมรู้ร่วมคิด หรือการใช้เครือญาติเข้ามาจัดการ เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่งยวด เพราะคำตอบสุดท้ายของการจัดการ คือ ผลประโยชน์นั่นเอง

วันนี้เราลองมาไล่เรียงดู จะเห็นเครือข่ายอำนาจ สานผลประโยชน์แบบกลุ่มก้อนชัดเจนขึ้น เริ่มที่กระทรวงคมนาคม แม้จะมี ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รับหน้าที่เป็น รมว.คมนาคม แต่ตัวจริงเสียงจริง ที่อยู่เคียงข้างเป็น "แม่เหล็กใหญ่" คนผู้นี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญมาก หากเอ่ยชื่อ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เขาคือ "เสี่ย อ" ซึ่งยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา ในวงการนักธุรกิจด้วยกันรู้จักดี เขายังได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์ปให้เป็นมหาเศรษฐีของไทยมาแล้ว แม้แต่ "นายใหญ่"ยังต้องยอม ส่วนจะมีบุญคุณมาแต่ชาติปางไหน คนที่อยู่ใกล้ชิดรู้ดี

เอาเป็นว่า "เสี่ย อ" สามารถกุมบังเหียนกระทรวงแห่งนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน ที่เป็นถนน รถไฟฟ้า เขาคนนี้แหละที่เข้าใจโจทย์ดี ส่วนจะประสานประโยชน์เพื่อประเทศชาติหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม เพราะธุรกิจของเขา ถือว่ามีส่วนได้เสียกับโครงสร้างพื้นฐานไม่น้อย

กลุ่มธุรกิจ อีกกลุ่มที่ถือว่ามีบทบาท มีส่วนได้เสียกับเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง เขาคือ "เสี่ย จ." แม้จะไม่ถูกกับ "นายใหญ่" มากสักเท่าไหร่ แต่ถือว่ามีบารมีพอที่จะเหนี่ยวรั้งเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับใครบางคนได้ในการปรับคณะรัฐมนตรีรอบที่ผ่านมา ก็เพราะธุรกิจอันยิ่งใหญ่ของเขาโยงอยู่กับระบบภาษี ก็ต้องทำอย่างไร ที่จะให้ระบบภาษีเอื้อกับธุรกิจให้มากที่สุด

กระทรวงแห่งนี้ยังมี "เจ๊ใหญ่" เครือญาติทางการเมือง ที่เข้าไปวางรากฐาน โดยส่งเด็กในคาถาไปกุมบังเหียนส่วนราชการเกือบทุกกรม กอง หากใครต้องการติดต่อหรือทำธุรกรรมในกระทรวงแห่งนี้ต้องผ่าน "เครือข่ายเจ๊ใหญ่" สายเหนือเท่านั้น

ความยิ่งใหญ่บนผลประโยชน์ ไม่เฉพาะแต่กระทรวงการคลัง แต่ยังทอดยาวไปยังกระทรวงคมนาคม ในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และยังวางเครือข่ายยาวไปถึงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ เรียกว่ายิ่งใหญ่ในสายผลประโยชน์เสียเหลือเกิน

ล่าสุด แว่วมาว่า ถึงขั้น "ล็อก" ผู้ที่จะเข้ามาเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือ ทอท. ล่วงหน้า ก่อนที่จะเปิดสรรหาคนใหม่แทน ว่าที่เรืออากาศโทอนุรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ที่ถูกบอร์ดเลิกจ้างไปหมาดๆ เมื่อ 27 พ.ย.

เครือข่ายสานผลประโยชน์ที่วางกันไว้ ไม่เฉพาะแต่ส่วนที่เอ่ยมา แต่ยังมีอยู่แทบทุกกระทรวง บางกระทรวงถึงขั้นใช้ "บุคคลล้มละลาย" มาเป็นเครือข่ายแสวงหาผลประโยชน์ คอยเป็นเหลือบเกาะกินพี่น้องเกษตรกร เรียกว่าเอาทุกรูปแบบ กินทุกทาง นอกจากนั้น ยังตั้งโต๊ะเรียกเก็บสินบนจากกลุ่มธุรกิจ ที่ไม่ใช่พวกพ้องสูงถึง 30% และกำลังกลายเป็นอัตราที่รู้ๆ กันในวงการไปแล้ว

ซ้ำร้ายไปกว่านี้ ยังมีนักธุรกิจจำนวนไม่น้อย ถึงขั้นต้องบินลัดฟ้า เพื่ออาศัยบารมี "นายใหญ่"เคาะว่า จะให้หรือไม่ให้ หากธุรกิจหรือโครงการนั้นเกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐ

ไม่เข้าใจว่า วันนี้บ้านเมืองเรา บริหารโดยคนแดนไกลหรือใครกันแน่ แต่ที่เห็นๆ การบริหารงานในหลายกระทรวงของรัฐบาลชุดนี้ กำลังใช้ "เครือข่ายธุรกิจผสมเครือญาติ" บริหารจัดการผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มากกว่าผลประโยชน์ประเทศชาติ

ฉะนั้น เรื่องเหล่านี้ จึงอยากฝากไปถึง นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องแสดงภาวะผู้นำ ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด สลายเครือข่ายนี้ให้สิ้นซาก ให้สอดรับกันนโยบายรัฐบาลที่บอกว่าจะจัดการกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ใช่หนุนคอร์รัปชัน !!!


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags : เปิดเครือข่ายธุรกิจ กุมผลประโยชน์รัฐ

view