จากประชาชาติธุรกิจ
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้ศึกษาและติดตามปัญหาเกี่ยวกับฝุ่นละอองขนาดเล็กมาตั้งแต่สมัยลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2543 ทำให้มีความรู้เบื้องต้นว่า ฝุ่นนี้เกิดจากสภาพอากาศนิ่งโดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวไม่มีลมพัด สภาพอากาศล้อมรอบด้วยอาคารบ้านเรือน ทำให้ปริมาณเพิ่มขึ้น 3 เท่า ไม่เหมือนกับฝุ่นจากการก่อสร้าง หรือจากการเผาวัตถุต่างๆจากควัน แต่เป็นฝุ่นชนิดพิเศษที่เล็กมากไม่สามารถกรองผ่านจมูกคน หรือใช้มาส์ก (Mask) ปิดป้องกันได้ เพราะทั้งขนจมูกและมาส์กนี้ กรองฝุ่นชนิดอื่นและกลิ่นได้ แต่ไม่สามารถกรอง PM2.5 ได้เพราะค่า PM2.5 เป็นกรณีพิเศษ
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความตั้งใจศึกษาในขณะนั้น คือ อยากให้สิ่งแวดล้อมบริสุทธิ์ กทม.เป็นเมืองน่าอยู่ปลอดภัย ดังนั้นคนกทม.จะต้องเข้าใจเรื่องนี้ เพื่อป้องกันจะได้ทราบว่าหากสูดฝุ่นละอองขนาด PM2.5 เข้าไปแล้วจะมีอาการอย่างไรบ้าง ต้องให้ประชาชนทราบ เพื่อจะได้ตื่นตัวและพบแพทย์ได้ทันท่วงที ก่อนที่จะลุกลามไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะเด็ก
คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือต้องควบคุมรถสิบล้อที่วิ่งผ่านกทม. เพราะฝุ่นนี้เกิดจากรถสิบล้อ ที่ล้อของรถบรรทุกสิบล้อบดอัดกับถนน นอกจากนี้ปัจจัยท่อไอเสียรถที่ทำให้เกิดทั้งฝุ่นและควัน ซึ่งช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมา อากาศนิ่งทำให้ในละออง PM2.5 เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าจากที่ควรจะเป็น ทำให้คนเกิดโรคต่าง ๆ ตามมา เช่นทางเดินหายใจ ปอด ไอ เพราะฉะนั้นมองว่าต้องให้ความรู้กับประชาชนให้เข้าใจ
“ขอขอบคุณ กทม. ที่เริ่มจะฉีดน้ำบนพื้นถนนเพื่อลดฝุ่น แต่ก็ขอเรียกร้องหน่วยงานต่างๆ อาทิ กทม. แพทย์ กรมควบคุมมลพิษ ช่วยให้ความรู้กับประชาชนมากกว่าเดิม แม้ป้องกันไม่ได้แต่ให้ความรู้กับประชาชนตื่นตัว สังเกตอาการ รู้เท่าทันหากประสบปัญหา จะได้ถึงมือแพทย์ได้ทันท่วงที และอยากเชิญชวนให้ทุกคนมีจิตสำนึก ช่วยกันปลูกต้นไม้ มีที่ว่างตรงไหนก็ปลูกต้นไม้เพราะป้องกันได้หลายอย่าง ทั้งการลดเสียงและกรองฝุ่น ทำให้อากาศบริสุทธิ์ เราเป็นมนุษย์แล้วมนุษย์ ให้อะไรกับต้นไม้บ้าง เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินที่เราเกิดมา” คุณหญิงกัลยา กล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์
eosgear,#สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
