จากประชาชาติธุรกิจ
เมื่อวันที่ 7 มกราคม ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดาร้อยละ 95 และมีผู้แทนผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าได้เข้ายื่นหนังสือถึงประธานกรรมาธิการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อขอให้ทบทวนการแบนบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ว่า รายงานดังกล่าวได้รับการเปิดโปงว่า เป็นรายงานจาก Nutt et al เป็นความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 12 คน ในจำนวนนี้มี 6 คน ที่ไม่มีประวัติการทำงานเกี่ยวกับการควบคุมยาสูบมาก่อน และ 2 คน มีความสัมพันธ์กับบริษัทบุหรี่ โดยเป็นผลการประชุมเมื่อปี 2556 เป็นความเห็นโดยไม่ได้แสดงหลักฐานสนับสนุน และหน่วยงานศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป รวมทั้งองค์การอนามัยโลกไม่ยอมรับ
“แม้จะสูบบุหรี่ไฟฟ้า แต่ก็ต้องติดนิโคตินไปตลอดชีวิตเหมือนกัน ที่สำคัญปัจจุบันมีรายงานผลกระทบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มเติมว่า ส่งผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยมีความเสี่ยงการเกิดโรคปอด โรคหัวใจและหลอดเลือด และยังพบว่านักเรียนมัธยมที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าในอเมริกามีอัตราหันไปสูบบุหรี่ธรรมดามากกว่านักเรียนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้า 4 เท่า” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ด้าน นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส กรรมการสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งห้ามนำเข้า ห้ามจำหน่าย และห้ามสูบ การที่บริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าประชาสัมพันธ์ว่า บุหรี่ไฟฟ้าสามารถทดแทนการใช้บุหรี่ธรรมดาได้โดยไม่มีสารก่อมะเร็ง ไม่สร้างมลพิษต่อคนรอบด้าน สามารถใช้สูบเพื่อเลิกบุหรี่ธรรมดาได้ ข้อมูลเหล่านี้ยังมีความคลาดเคลื่อน
“บริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าไม่เคยกล่าวถึงส่วนประกอบหลักของน้ำยา (e-liquid) ว่ามีส่วนสารประกอบใดบ้าง ซึ่งน้ำยา มีส่วนประกอบของนิโคตินที่เป็นสารสกัดจากใบยาสูบในรูปของสารเคมีผสมกับสารระเหยที่ให้กลิ่นจากใบไม้และดอกไม้ โดยความเข้มข้นของสารนิโคตินมีปริมาณที่ความแตกต่างกันตามยี่ห้อและประเภทน้ำยา ซึ่งส่วนใหญ่จะมีนิโคตินสกัดที่มีปริมาณสูง เข้มข้นกว่าบุหรี่ธรรมดาหลายเท่า สารเคมีสกัดนิโคติน ถือเป็นสารเสพติด สูบแล้วจะไปเกาะกับเซลล์ในสมอง เมื่อไม่ได้สูบก็รู้สึกกระวนกระวาย ทำให้ต้องสูบซ้ำเพิ่มอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญยังมีสารก่อมะเร็งคือ กลุ่มกลีเซอรีน (Glycerin) ด้วย” นพ.วันชาติ กล่าวและว่า สารเคมีสกัดนิโคตินจัดอยู่ในประเภท Alkaloid เมื่อเข้าสู่ร่างกายผสมในกระแสเลือดแล้ว จะมีผลให้เส้นเลือดอักเสบ เส้นเลือดขรุขระ มีการเกาะตัวของเลือดและเกร็ดเลือดจนเส้นเลือดอุดตันได้ทั่วร่างกาย ถ้าอุดตันที่เส้นเลือดสมองจะเป็นอัมพาต ถ้าอุดตันที่เส้นเลือดหัวใจจะหัวใจวายจากการขาดเลือด ในกรณีที่ขาดน้ำยาหรือหาซื้อไม่ได้ ไม่ทัน ผู้สูบจะมีความต้องการนิโคติน จึงมีการสำรวจพบว่า ผู้เสพบุหรี่ไฟฟ้าต้องหาซื้อบุหรี่ธรรมดามาสูบแทนด้วยจึงกลายเป็น สูบทั้งสองอย่าง (Dual Smokers) จึงอยากให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจทางนโยบาย รับทราบข้อมูลเหล่านี้เพื่อความรอบคอบในการพิจารณา
ไร่รักษ์ไม้,#สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต