สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ดีมานด์ กาแฟไทย พุ่งเงินสะพัด 1.7 พันล้าน

จากประชาชาติธุรกิจ

นักวิชาการเกษตรสงขลาชี้ทิศทางกาแฟดี ตลาดต้องการสูง ด้านรองประธานชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยเผยในประเทศบริโภคถึง 8 หมื่นตัน ขณะที่มีผลผลิตกาแฟไทย 2.5 หมื่นตันเท่านั้นคาดปี”60 จะมีเงินหมุนสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,700 ล้านบาท

นายหวน ทนงาน นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 5 จังหวัดสงขลา (สสก.ที่ 5) ภาคใต้ เปิดเผยกับ ?ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันทิศทางเศรษฐกิจการเกษตรมีหลายตัวเลือกเพื่อสร้างรายได้ให้กับชาวสวนยาง โดยเฉพาะกาแฟที่สามารถปลูกร่วมกับยางพาราได้อย่างกลมกลืน ที่ผ่านมาในอดีต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เคยเป็นพื้นที่ปลูกสวนกาแฟร่วมยาง หรือที่เรียกกันว่าป่ายาง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงภูเขา หรือควน กาแฟจะขึ้นงอกงามมาก แต่เนื่องจากนโยบายสวนยางเชิงเดี่ยว ทำให้กาแฟถดถอยไปตามลำดับ

อย่างไรก็ตามปัจจุบันกาแฟเป็นที่ต้องการของตลาดสูง แต่ผลผลิตไม่เพียงพอ ทำให้เมล็ดกาแฟได้ราคาสูง และมีเสถียรภาพมาหลายปีแล้ว จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจระดับเป็นอาชีพหลักแทนสวนยางพาราได้เลย สำหรับพื้นที่ภาคใต้ปัจจุบันปลูกมาก คือ จังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง

สำหรับภาคใต้สายพันธุ์กาแฟ คือ โรบัสต้า สามารถปลูกได้ทุกจังหวัด อายุประมาณ 2 ปี และ 3 ปี ก็ให้ผลผลิต โดยเฉพาะพื้นที่เป็นเชิงลาดริมภูเขา และควน ขณะที่ภาคเหนือ จะเป็นสายพันธุ์อราบิก้า

ด้านนายนัด ดวงใส รองประธานชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย และเกษตรกรเจ้าของสวนกาแฟ เปิดเผยว่า สถานการณ์เกษตรทางด้านสวนกาแฟอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาระยะหลายปี และราคาได้ขยับขึ้นและมีเสถียรภาพโดยเฉพาะระยะ 4 ปีมานี้ เริ่มตั้งแต่ราคา 70 บาท จนถึงราคาอยู่ที่ 87-88 บาท/กิโลกรัม และแนวโน้มปี”60 จะขยับได้ถึง 90 บาท/กิโลกรัม

ปัจจุบันกาแฟในภาคใต้ปลูกมากที่จังหวัดชุมพร และระนอง ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ปลูกกันประปรายตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ส่วนที่จังหวัดกระบี่ สตูล และสงขลา เริ่มปลูกกันเมื่อปีที่แล้ว ส่วนมากเป็นรายใหม่ที่เริ่มปลูกทดแทนยางพารา โดยภาพรวมมีพื้นที่ปลูกกว่า 100,000 ไร่ สามารถแปรรูปเป็นสารกาแฟ หรือกาแฟแห้ง ได้ประมาณ 23,000-25,000 ตัน /ปี โดยให้ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 200 กิโลกรัม/ปี/ไร่ ทั้งนี้เป็นกาแฟที่ปลูกแซมตามสวนต่าง ๆ ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และ 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นไร่กาแฟเชิงเดี่ยว แต่ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศฝนตกยาวทำให้ดอกร่วงและเน่า ผลผลิตตกต่ำลงเหลือประมาณ 20,000 ตันเท่านั้น

ราคาดี – อีกทางเลือกเกษตรกรในการปลูกกาแฟโดยเฉพาะระยะ 4 ปีมานี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟระบุว่า ราคากาแฟดีขึ้นและมีเสถียรภาพ เริ่มจากราคา 70 บาท จนถึงราคาอยู่ที่ 87-88 บาท/กิโลกรัม และแนวโน้มปี?60 จะขยับได้ถึง 90 บาท/กิโลกรัม

นายนัดกล่าวอีกว่า ในปี 2560 นี้ คาดการณ์จะมีเงินหมุนสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,700 ล้านบาท/ปี จากผลิตกาแฟ 20,000 ตัน ยังไม่นับรวมถึงสายพันธุ์กาแฟอราบิก้า ที่ปลูกทางภาคเหนือ ที่ผลิตได้ประมาณ 3,000 ตัน/ปี ซึ่งปริมาณดังกล่าวถือว่ายังขาดตลาดอยู่ เพราะปัจจุบันประเทศไทยต้องการบริโภคกาแฟ ประมาณ 80,000 ตัน/ปี โดยภาพรวมเป็นเม็ดเงินมูลค่าสะพัดไม่ต่ำกว่าประมาณ 6,800 ล้านบาท/ปี จึงต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งเวียดนาม และ สปป.ลาว ดังนั้นเราสามารถขยายพื้นที่ปลูกได้ถึง 300,000 ไร่

สำหรับภาคใต้ ปลูกกาแฟได้ทุกพื้นที่ แต่จะเป็นสายพันธุ์โรบัสต้า เพราะอยู่กับอากาศร้อนชื้น และสำหรับการตลาดไม่ต้องหวั่นวิตก สหกรณ์กาแฟที่ จ.ชุมพร สามารถรับซื้อทั้งหมด อย่างไรก็ตามนอกจากสภาพอากาศแล้ว อาจมีปัจจัยที่จะเป็นตัวแปรสำคัญ คือ ผลผลิตกาแฟประเทศเวียดนาม และบราซิล

นายนัดกล่าวว่า การปลูกกาแฟรัฐจะต้องลงมาส่งเสริม แนะนำ และทำแปลงสาธิต เพราะประเทศอื่นก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะรูปแบบของประเทศเวียดนามที่ปลูกกาแฟเชิงเดี่ยว ขนาด 5 ศอก คูณ 5 ศอก ได้กว่า 300 ต้น/ไร่ โดยให้ผลผลิตถึง 700-800 กิโลกรัม /ไร่ ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมากที่ราชการไม่นำเอามาศึกษาเป็นตัวอย่าง และแนะนำ ส่งเสริมให้เกษตรกร


#eosgear,#ถุงมือกันบาด,#อะไหล่ victorinox,#victorinox มือสอง,#cutting resistance glove,ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags : ดีมานด์ กาแฟไทย พุ่งเงินสะพัด 1.7 พันล้าน

view