จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
|
||
ในขณะที่ภาครัฐของหลายๆ ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ฯลฯ มีการประยุกต์ใช้หลอด LED สู่การเป็นหลอดไฟตามถนนหนทาง เหตุเพราะมีข้อมูลทางเทคนิคที่สนับสนุนว่า หลอดไฟดังกล่าวกินไฟน้อยกว่า และสิ้นเปลืองค่าบำรุงรักษาน้อยกว่าหลอดไฟรุ่นปกตินั้น ล่าสุด มีเสียงบ่นจากประชาชนลอยมาตามลมแล้วว่า แสงไฟจากหลอด LED ทำให้การนอนในยามกลางคืนไม่เป็นสุขเท่าแสงไฟจากหลอดแบบเก่า
คำตำหนิเกี่ยวกับแสงจากหลอด LED ที่ประชาชนซึ่งมีบ้านติดถนน และใกล้กับเสาไฟเหล่านี้บ่นออกมาก็คือ แสงที่มีความจ้ามากเกินไป และยิงตรงเข้ามาได้ถึงในห้องนอน ซึ่งมีผลให้ผู้ที่นอนไม่สามารถหลับได้อย่างมีความสุข
“แสงจากดวงจันทร์เป็นแสงนวล และสบายตาเมื่อนั่งมองผ่านหน้าต่าง แต่แสงจากหลอด LED นั้น เข้มข้น และทำให้ไม่สามารถนั่งตรงหน้าต่างเพื่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืนได้อีกเลย” Keren Snyder คุณยายวัย 63 ปี รายหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในวอชิงตันดีซี กล่าว
นอกจากนั้น คุณยาย และเพื่อนยังได้รวมตัวกันยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อให้ทบทวนถึงเรื่องดังกล่าวด้วย และหน่วยงานท้องถิ่นก็ตอบกลับมาแล้วว่า พวกเขารับเรื่องไว้ แต่จะไม่มีการถอยหลังกลับมาใช้หลอดไฟแบบเก่าอีกเป็นแน่ เหตุผลก็คือ เรื่องของค่าใช้จ่าย ที่การเปลี่ยนหลอดไฟมาเป็นหลอด LED สามารถประหยัดเงินได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งอายุการใช้งานของหลอด LED ก็ยังนานกว่า ดังนั้น ทางเมืองจึงไม่เพียงประหยัดแค่ค่าไฟ แต่ยังประหยัดค่าบำรุงรักษาลงได้อีก 50 เปอร์เซ็นต์ด้วย
“นอกจากนี้ การใช้หลอด LED ยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในเขตโคลัมเบีย ที่ได้มีการเปลี่ยนหลอดไฟถนน 71,000 หลอด เป็นหลอด LED แล้ว เท่ากับเราสามารถประหยัดการใช้งานถ่านหินในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 13,600 ตันต่อปี” Miller Gabriel ผู้อำนวยการของสำนักงาน Public Private Partnerships แห่งวอชิงตันดีซี กล่าว
ทั้งนี้ Miller ยังมองว่า หลอดไฟถนนที่มีแสงจ้าในยามค่ำคืนยังอาจทำให้ปัญหาอาชญากรรมลดน้อยลง เนื่องจากอาชญากรที่ก่อเหตุสามารถซ่อนตัวได้ยากมากขึ้นนั่นเอง โดยในปัจจุบัน สหรัฐอเมริกามีการเปลี่ยนหลอดไฟถนนให้เป็นหลอด LED แล้วประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะสามารถเปลี่ยนได้ทั้งหมดภายใน 20 ปี และจะสามารถประหยัดเงินให้ภาครัฐได้ 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว
ด้านเมืองใหญ่ในสหภาพยุโรป และ APAC เช่น จีน และสิงคโปร์ เองก็มีแผนในการเปลี่ยนหลอดไฟเช่นกัน โดยคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 48 ล้านตันต่อปี
งานนี้อาจต้องเป็นคุณยายที่ต้องย้ายบ้านหนีหลอดไฟ LED แทนก็เป็นได้
อี.โอ.เอส เกียร์,ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต,#มีดดามัสกัส,#เหล็กดามัสกัส