จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
สภาเกษตรกรแห่งชาติชง “บิ๊กตู่” ทบทวนขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีจาก 0% เป็น 27% เหตุก่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง และข้าว เผยล่าสุดนายกฯ สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาแล้ว ด้าน “พาณิชย์” ชี้ทำได้ไม่ผิดกฎ WTO แต่ต้องคิดให้รอบคอบ เหตุกระทบอุตสาหกรรมส่งออกที่เกี่ยวเนื่อง
นายเติมศักดิ์ บุญชื่น ประธานคณะทำงานด้านพืชไร่สภาเกษตรกรแห่งชาติ และประธานเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากที่สภาเกษตรกรแห่งชาติได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำ หลังจากที่มีการนำเข้าข้าวสาลีมาใช้ทดแทนข้าวโพดในการเป็นวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ โดยขอให้รัฐบาลกลับไปปรับขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีในอัตรา 27% จากที่กระทรวงการคลังปรับภาษีนำเข้าลดลงมาเหลือ 0% ล่าสุดได้รับทราบความคืบหน้าว่านายกฯ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการปรับขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีตามที่เกษตรกรร้องขอ
ทั้งนี้ การปรับขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีเชื่อว่าจะไม่ผิดกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) ที่ไทยได้ผูกพันไว้ในสินค้านำเข้าข้าวสาลีอัตรา 27% ซึ่ง WTO ได้แจ้งว่าการปรับลดภาษีนำเข้าข้าวสาลีสามารถทำได้ แต่ต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือค่อยๆ ลดลงมา แต่หน่วยงานของไทยกลับมีการปรับลดภาษีนำเข้าลงมาทันทีเหลือ 0% ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างมากไม่ว่าจะเป็นผู้ปลูกข้าวโพด ปลายข้าว และมันสำปะหลัง ต่างมีราคาลดลง เพราะผู้ผลิตอาหารสัตว์ไปนำเข้าข้าวสาลีเข้ามาจำนวนมาก เนื่องจากมีราคาถูกกว่าธัญพืชชนิดอื่น ส่งผลให้ราคาพืชเกษตรภายในประเทศตกต่ำอย่างหนัก อีกทั้งไม่ห่วงว่าหากมีการนำเข้าข้าวสาลีจากออสเตรเลีย ซึ่งมีการเจรจาทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทย-ออสเตรเลีย ที่ได้รับการยกเว้นภาษีให้ เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อราคาสินค้าเกษตรของไทย เพราะไทยมีการนำเข้าข้าวสาลีจากออสเตรเลียปริมาณไม่มากและเป็นข้าวสาลีคุณภาพสูง
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีที่เกษตรกรเรียกร้องให้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีเป็น 27% นั้น สามารถทำได้ไม่ผิดหลัก WTO เพราะที่ไทยผูกพันไว้กับ WTO คือภาษีนำเข้าข้าวสาลีต้องลดลงมาเหลือ 27% แต่สาเหตุที่หน่วยงานเกี่ยวข้องพิจารณาการปรับลดภาษีนำเข้าข้าวสาลีเหลือ 0% เนื่องจากทางกรมศุลกากรได้พิจารณาแล้วว่าจะมีการลดภาษีศุลกากรในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบอยู่ที่อัตรา 0-5% เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับการส่งออกสินค้าแปรรูปชนิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งข้าวสาลีเป็นวัตถุดิบที่ไทยไม่สามารถผลิตได้ จึงมีการปรับลดอัตราภาษีลงมา ซึ่งเป็นการปรับลดฝ่ายเดียวของไทยเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศ
“หากจะมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีกลับขึ้นไปในอัตราเดิมก็สามารถทำได้ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาเรื่องนี้ต้องทบทวนให้ดีเพราะจะมีผลกระทบต่อเนื่องไปยังอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องกับการใช้วัตถุดิบ เช่น การส่งออกไก่ของไทยที่จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการส่งออกไก่ของประเทศคู่แข่ง เช่น บราซิล เป็นต้น อีกทั้งการปรับขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีจะยกเว้นในส่วนของกรอบเจรจาเอฟทีเอที่ไทยไปทำไว้กับประเทศต่างๆ เช่น เอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีตามกรอบเอฟทีเอ จะทำให้ออสเตรเลียได้เปรียบประเทศอื่นในการส่งออกสินค้าข้าวสาลีเข้ามาในไทย” น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว
อี.โอ.เอส เกียร์,ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต,#มีดดามัสกัส,#เหล็กดามัสกัส