สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กรมอนามัยยัน ปลาสวาย โอเมก้า3 สูงไม่แพ้ "แซลมอน แนะเคล็ดลับเลือกสีสดหรือซีด

จากประชาชาติธุรกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในสังคมออนไลน์มีการแชร์ข้อมูลว่า "ปลาสวาย" เป็นปลาน้ำจืดที่มีโอเมก้า 3 สูงกว่าปลาทะเลอย่างปลาแซลมอน โดยมีการระบุรายละเอียดต่างๆ แต่ปราศจากแหล่งข้อมูลวิชาการอ้างอิง โดยระบุว่า "ปลาสวายมีโอเมก้าสูงถึง 2,570 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 100 กรัม มากกว่าปลาทะเล อย่างปลาแซลมอนที่มีโอเมก้า 3 ราว ๆ 1,000-1,700 มิลลิกรัมเท่านั้น ทำให้เราไม่ต้องไปซื้อปลาทะเลแพงๆรับประทาน เราก็ได้กรดไขมันโอเมก้า 3 ได้เหมือนกัน โดยส่วนใหญ่พอได้ยินคำว่า “โอเมก้า 3″ เราก็มักจะนึกถึงกรดไขมันชั้นดีที่มีอยู่ในปลาทะเล อย่าง ปลาแซลมอน ปลาเทราต์ ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาแมคคาเรล ซึ่งปลาเหล่านี้เป็นปลาที่นำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาค่อนข้างสูง จึงไม่ค่อยมีใครนึกถึงปลาน้ำจืดของไทย ว่าจริงๆแล้วก็มีปลาบางชนิดที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงไม่แพ้ปลาทะเลจากเมืองนอกเลย"

ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน นายสง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการโภชนาการ ที่ปรึกษากรมอนามัย กล่าวว่า ข้อมูลตารางคุณค่าทางอาหารในปลาน้ำจืดของไทยนั้น เบื้องต้นในเรื่องกรมไขมันไม่อิ่มตัว อย่างโอเมก้า 3 พบว่า ปลาสวาย เป็นปลาที่มีไขมันชนิดนี้มากกว่าปลาอื่นๆ โดยมีทั้งในเนื้อปลา และในไข่ปลา โดยเฉพาะในไข่ปลาจะพบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม แต่ไม่มีการเปรียบเทียบว่า ปลาสวายมีโอเมก้า 3 มากกว่าปลาทะเลน้ำลึก อย่างปลาแซลมอน หรือไม่ อย่างไรก็ตาม แต่ข้อควรระวังคือ สำหรับปลาสวาย จะเห็นได้ว่าลักษณะของปลามีไขมันมาก แต่พบว่าส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหาคือ ไม่ใช่ว่าปลาทุกชนิดที่มีไขมันในตัวเองมากแล้ว จะเป็นไขมันไม่อิ่มตัวทั้งหมด ดังนั้น การรับประทานก็ต้องระมัดระวัง สิ่งสำคัญคือ เมื่อพบว่าปลาน้ำจืดของไทยมีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่ไม่ต้องรับประทานปลาทะเลน้ำลึกนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากปลาของไทยย่อมมีราคาถูกกว่า

ด้าน พญ. นภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ปกติแล้วการรับประทานไม่ว่าเนื้อสัตว์ชนิดใดก็ตาม หรือแม้แต่ปลา ซึ่งมีคุณค่าทางอาหารมาก แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องรับประทานอย่างนั้นเพียงอย่างเดียว เนื่องจากหลักการโภชนาการที่ดีคือ ต้องบริโภคให้หลากหลายและบริโภคให้ครบ 5 หมู่ตามคุณค่าทางอาหารที่ร่างกายควรได้รับ

ผู้สื่อข่าวถามว่านอกจากเรื่องโอเมก้าแล้ว ยังมีคำถามว่าหากกินปลาแซลมอนต้องเลือกสีสดหรือสีจาง จึงจะปลอดภัย พญ.นภาพรรณ กล่าวว่า ควรเลือกสีที่ไม่สดหรือจางจนเกินไป เนื่องจากสีสดมากๆ จนน่ากลัว ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าเป็นสีผสมอาหาร หรือสีอื่นๆที่อาจมีอันตรายได้ ขณะที่หากเลือกสีจางๆ ก็ใช่ว่าจะดี เนื่องจากสีซีดมากๆ แสดงว่ามีไขมันสูง ทำให้ความเข้มจางลง การกินอะไรที่มีไขมันสูงมากๆย่อมไม่ดีเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของสำนักโภชนาการ กรมอนามัย มีการศึกษาคุณค่าทางอาหารของ "ปลา" โดยระบุว่า ปลาเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จัดปลาไว้ในอาหารหลักหมู่ที่หนึ่งในประเภทเนื้อสัตว์ ไข่ นมและถั่วเมล็ดแห้ง โปรตีนในเนื้อปลาจะถูกนำไปใช้ในการเสริมสร้างเนื้อเยื่อและซ่อมแซมสิ่งที่สึกหรอ ไขมันที่มีอยู่ในเนื้อปลาจะเป็นส่วนประกอบของเซลล์ต่างๆ โดยเฉพาะสมอง จะป้องกันการจับแข็งตัวของไขมันในเส้นเลือด วิตามิน และแร่ธาตุที่มีอยู่ในเนื้อปลาจะควบคุมการทำงานของร่างกายให้ทำหน้าที่ได้ตามปกติ โดยคุณค่าทางด้านโปรตีน ปลาชนิดต่าง ๆ ให้โปรตีนในปริมาณที่สูงพอสมควร เนื้อปลา 100 กรัม จะประกอบขึ้นด้วยโปรตีนเป็นจำนวนกรัม ดังนี้ ปลาดุก 23.0 กรัม ปลาตะเพียน 22 กรัม ปลากระบอก 20.7 กรัม ปลาช่อน 20.5 กรัม ปลาทู 20 กรัม ปลาแป้น 19.6 กรัม ปลาหมอไทย 17.2 กรัม ปลาสวาย 15.4 กรัม ปลาหมึกกล้วย 15.2 และปลาเนื้ออ่อน 14.4

คุณค่าทางด้านไขมัน ไขมันที่ประกอบในเนื้อปลาทำให้รสชาติและสีของเนื้อปลาแตกต่างกันออกไป เนื้อปลา 100 กรัม ประกอบด้วยไขมันเป็นจำนวนกรัม ดังนี้ ปลาสวาย 21.5 กรัม ปลาทู 6.7 กรัม ปลากระบอก 3.9 กรัม ปลาช่อน 3.8 กรัม ปลาตะเพียน 2.6 กรัม ปลาดุก 2.4 กรัม ปลาเนื้ออ่อน 2.3 กรัม ปลากราย 1.6 กรัม ปลาทรายแดง 1 กรัม ปลาแป้น 1กรัม ปลาหมึกกล้วย 0.7 กรัม เป็นต้น ยังได้ทำการศึกษากรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่มีความสำคัญต่อร่างกายได้แก่ Eicosapentaenoic acid หรือ อีพีเอ (EPA) Docosahexaenoic acic หรือ ดี เอช เอ (DHA) ด้วย

โดยอี พี เอ เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งที่มีคุณสมบัติลดปัญหาการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ได้เนื่องจากเป็นสารตั้งต้นในการสร้างสารไอโคซานอยด์ที่มีคุณสมบัติลดการจับตัวของเกร็ดเลือด นอกจากนั้น ร่างกายสามารถนำกรดไขมัน อี พี เอ นี้ไปสร้างสารที่ช่วยการขยายตัวของหลอดเลือดด้วย

นอกจากนี้ ยังมีกรดไขมันอีกชนิดหนึ่งในกลุ่มเดียวกันนี้ คือ ดี เอช เอ ทำให้เซลล์มีความไวต่อการรับสัญญานประสาท นอกจากนั้นยังพบว่ามีปริมาณสูงในจอตาและที่สำคัญที่สุด คือ เป็นไขมันที่เป็นส่วนประกอบของเซลล์สมอง ซึ่งพบว่ามีถึงร้อยละ 65 สมองมนุษย์มีไขมันชนิดนี้เป็นส่วนประกอบอยู่ครึ่งหนึ่งก่อนกำเนิด ส่วนทีเหลือจะได้มาในช่วงปีแรกของชีวิต ดังนั้น ดี เอช เอ จึงมีความสำคัญมากต่อสตรีในระยะตั้งครรภ์และมารดาในระยะให้นมบุตร ที่ช่วยให้สมองทารกพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์



ที่มา มติชนออนไลน์


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags : กรมอนามัยยัน ปลาสวาย โอเมก้า3 สูงไม่แพ้ "แซลมอน แนะเคล็ดลับเลือกสีสดหรือซีด

view