จาก โพสต์ทูเดย์
ชาวบ้านบุญเรือง อ.เชียงของ ยื่นหนังสือถามจุดยืน ม.แม่โจ้ หวั่นฮุบป่าชุมชน 1,200 ไร่ เปิดให้บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่เช่าที่ดินต่อ
พื้นที่ป่าชุ่มน้ำ ต.บุญเรือง อ.เชียงของ จ.เชียงราย เนื้อที่ 3,021 ไร่ ซึ่งเป็นผืนป่าขนาดใหญ่ที่สุดริมแม่น้ำอิง กำลังจะถูกเพิกถอนสถานะจากการเป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์สาธารณประโยชน์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยประกาศไว้เมื่อปี 2510 เพื่อรองรับนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยจะแบ่งการใช้พื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ สร้างนิคมอุตสาหกรรม ประมาณ 1,800 ไร่ และสร้างมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ประมาณ 1,200 ไร่
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ชาวบ้าน ต.บุญเรือง ที่อาศัยและใช้ประโยชน์จากป่าชุมน้ำผืนดังกล่าว ได้ยื่นหนังสือถึงมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อขอให้ทบทวนการใช้พื้นที่ป่าจำนวน 1,226 ไร่ จัดตั้งมหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตเชียงของ เนื่องจากเดิมทีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขอใช้พื้นที่เพียง 300 ไร่ แต่ต่อมากลับขอเพิ่มเป็น 1,226 ไร่ โดยชาวบ้านมีข้อมูลว่ามหาวิทยาลัยจะให้บริษัทธุรกิจด้านการเกษตรยักษ์ใหญ่เช่าพื้นที่ต่อ
“หากข้อมูลนั้นเป็นจริง ชาวบ้านคงยอมรับไม่ได้ และมหาวิทยาลัยอาจจะไม่ได้ที่ดินเลยสักตาราเมตร” นายเจริญ กาสม ชาวบ้าน ต.บุญเรือง กล่าว
นายเจริญ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยควรชี้แจงข้อมูลว่าจะใช้ที่ดินทำอะไร ซึ่งชาวบ้านก็จะยอมให้ใช้แค่จำนวนที่ขอไว้ครั้งแรก ยืนยันว่าชาวบ้านให้ความสำคัญกับการศึกษา แต่ไม่ใช่ว่าใครจะมาเอาที่ดินของชุมชนไปสร้างผลประโยชน์ให้กับใครคนใดคนหนึ่งได้
“ทุกวันนี้ชาวบ้านบุญเรืองเจอสถานการณ์กดดันหลายอย่าง ทั้งจากโครงการพัฒนา นโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ หากสถานศึกษาจะมาสร้างความบอบช้ำโดยการรับนโยบายทุนนิยมมาอีก ชาวบ้านคงต้องตายทั้งเป็น จึงอยากให้มหาวิทยาลัยทบทวนแผนและพิจารณาดูว่าควรจะบริหารสถานศึกษาอย่างไรให้อยู่กับชุมชนได้ ไม่ใช่อยู่กับทุนให้ได้” นายเจริญ กล่าว
ด้าน รศ.วีระพล ทองมา รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาเครือข่าย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีแผนขยายวิทยาเขตในอีก 15 ปีข้างหน้า โดยจะตั้งเป็นวิทยาลัยบริหารเกษตรธุรกิจนานาชาติ เพื่อรองรับนักศึกษาในพื้นที่ อ.เชียงของ ส่วนของการเจรจาขอใช้ที่ดินนั้น ทางมหาวิทยาลัยทำประชาคมและลงพื้นที่คุยกับชาวบ้านหลายครั้งแล้ว
“ยืนยันว่าไม่เคยคิดขอเพิ่มพื้นที่ แต่จะใช้เท่าที่ชาวบ้านจะให้ได้ และเชื่อว่าการขยายวิทยาเขตนั้นจะช่วยส่งเสริมการศึกษาแก่คนรุ่นใหม่ในอำเภอเชียงของที่จะสามารถศึกษาได้ใกล้บ้าน แต่ถ้าชาวบ้านยินดีจะให้เพิ่มทางมหาวิทยาลัยไม่ได้มีปัญหา” รศ.วีระพล กล่าว
สำหรับกระแสข่าวการขอพื้นที่เพิ่มอีกกว่า 1,000 ไร่ เป็นเพียงแค่ข่าวลือ โดยมหาวิทยาลัยยินดีจะพูดคุยเพิ่มเติม หากชาวบ้านต้องการรายละเอียด ส่วนเงื่อนไขการพัฒนาอาคารต่างๆ ที่ชาวบ้านกังวลว่าจะกระทบพื้นที่ชุ่มน้ำนั้น ทางมหาวิทยาลัยยินดีจะศึกษา และพร้อมทำข้อมูลร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ เชื่อว่าหากวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยขยายกว้างขึ้นจะสร้างประโยชน์แก่คนท้องถิ่นแน่นอน
อนึ่ง พื้นที่ป่าชุมชนบ้านบุญเรืองเป็นพื้นที่ชุมน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในลุ่มน้ำอิง ที่ชาวบ้านใช้พึ่งพิงเป็นแหล่งหากินมาหลายชั่วอายุคน และยังทำหน้าที่เป็นพื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติในฤดูน้ำหลาก
ทั้งนี้ เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา อ.เชียงของ ในฐานะหน่วยงานรัฐ ได้จัดเวทีชี้แจงนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ และขอมติชาวบ้านเพื่อเพิกถอนพื้นที่สาธารณประโยชน์ แต่ถูกชาวบ้านคัดค้าน โดยวันดังกล่าวผู้แทนมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้เข้าร่วมด้วย และยืนยันว่าหากเพิกถอนสถานะที่ดินทั้ง 3,021 ไร่ มหาวิทยาลัยจะใช้ที่ดินประมาณ 1,200 ไร่ ในการขยายวิทยาเขต
ไร่รักษ์ไม้,Eosgear,มูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,victorinox,แปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit,ราคา,อร่อย