จากประชาชาติธุรกิจ
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงเมล็ดกาแฟที่พาเหรดดิ่งลง กำลังส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเมล็ดกาแฟรายย่อยในเวียดนามอย่างหนัก ขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่อย่างบริษัทข้ามชาติได้รับอานิสงส์
เวียดนาม นิวส์ ระบุว่า ราคาเมล็ดกาแฟลดลงอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้อยู่ที่ราว 36,500 ด่อง (1.7 ดอลลาร์) ต่อกิโลกรัม ซึ่งต่ำสุดในรอบหลายปี
ราคาเมล็ดกาแฟที่ทรุดลงมากทำให้เกษตรกรชาวเวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟพันธุ์โรบัสต้ารายใหญ่สุดของโลก และส่งออกกาแฟมากเป็นอันดับสองของโลกรองจากบราซิล ตัดสินใจชะลอการขายออกไปก่อน ส่งผลให้มีเมล็ดกาแฟจากฤดูการผลิตรอบ 2557/2558 จำนวนมากกองอยู่ในโกดังเก็บสินค้า ณ สิ้นเดือนที่แล้ว เมล็ดกาแฟในสต๊อกของเวียดนามอยู่ที่ 400,000 ตัน พุ่งขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปริมาณสำรองในปีที่แล้ว และคิดเป็น 25% ของปริมาณการผลิตทั้งหมดของฤดูกาลปัจจุบันที่กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายนนี้
มีแนวโน้มสูงที่ผลผลิตซึ่งยังขายไม่ได้จะถูกยกยอดไปรวมกับผลผลิตของฤดูกาล 2558/2559 ที่จะเริ่มในเดือนตุลาคมนี้
ปริมาณเมล็ดกาแฟในสต๊อกที่พุ่งสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้จะยิ่งกดดันให้ราคารับซื้อเมล็ดกาแฟร่วงลงอีก หลังจากที่ลดลงไปแล้ว 17% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา จนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน
"คนที่เก็บสินค้าไว้ในสต๊อกจนถึงขณะนี้จะยังคงรอต่อไป" นายฟาน ฮัง อันห์ รองผู้อำนวยการบริษัทเทรดเดอร์อันห์ มินห์ในเมืองดักลักกล่าว พร้อมเสริมว่า เกษตรกรจะไม่ยอมขายจนกว่าราคาจะปรับขึ้นไปสูงกว่า 38,000 ด่องต่อกิโลกรัม แต่ความเป็นไปได้ที่ราคาเมล็ดกาแฟจะขยับขึ้นในเร็วๆ นี้มีน้อยมาก เพราะนอกจากดีมานด์ในตลาดโลกแผ่วลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกแล้วยังได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินด่องด้วย โดยในสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลเวียดนามได้ขยายช่วงการเคลื่อนไหวของค่าเงินด่องเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมบวกลบ 1% ของค่าอ้างอิงประจำวัน เป็น 2% และ 3% ในสัปดาห์นี้ทำให้เงินด่องมีทิศทางอ่อนค่าลง ราคาเมล็ดกาแฟในสกุลด่องจึงพลอยลดลงตามไปด้วย
การตัดสินใจเก็บสินค้าไว้รอราคาขึ้นของผู้ปลูกกาแฟชาวเวียดนาม ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อปริมาณการส่งออกเมล็ดกาแฟ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติเวียดนามระบุว่า ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ยอดการส่งออกทรุดลง 33% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วเหลือ 800,000 ตัน ต่ำสุดนับจากปี 2553
ขณะที่เกษตรกรในท้องถิ่นกุมขมับกับราคาขายที่ลดลง สวนทางต้นทุนการผลิตที่คงเดิมหรือสูงขึ้น บริษัทกาแฟข้ามชาติอย่างนูมันน์ คาฟฟี กรุ๊ป จากเยอรมนี หรือ เนสท์เล่จากสวิตเซอร์แลนด์ยังคงขยายโรงงานแปรรูปกาแฟในเวียดนามอย่างคึกคัก
นูมันน์ คาฟฟี เพิ่งเปิดโรงงานแห่งที่สองในเวียดนาม เช่นเดียวกับโวลคาเฟ่จากสวิตเซอร์แลนด์ที่เปิดโรงงานแปรรูปเมล็ดกาแฟกำลังการผลิต 100,000 ตันต่อปีเมื่อเร็วๆ นี้ ส่วนเนสท์เล่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตกาแฟแบบสกัดกาเฟอีน มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์ ในจังหวัดดองไน ซึ่งเป็นการขยายโรงงานกาแฟเฟส 2 ของเนสท์เล่เวียดนาม ถือเป็นโรงงานผลิตกาแฟสกัดกาเฟอีนแห่งแรกในเวียดนาม และแห่งที่สองของเนสท์เล่ทั่วโลก
ราคาเมล็ดกาแฟที่ลดลงรวมถึงการอ่อนค่าของเงินด่อง ล้วนมีส่วนช่วยลดต้นทุนการผลิตของบริษัทข้างต้น ขณะที่ราคาขายสินค้าขั้นสุดท้ายยังเท่าเดิมหรือปรับเพิ่มขึ้น
ไร่รักษ์ไม้,Eosgear,มูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,victorinox,แปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit,ราคา,อร่อย
