จากประชาชาติธุรกิจ
คงไม่เกินเลยนักหากจะพูดว่าเวลานี้ "ไชนีส อีส เอเวอรี่แวร์ !" (Chinese is Everywhere) เพราะไม่ว่ามองไปทางไหน ก็เห็นแต่ "นักท่องเที่ยวจีน" กระจายเที่ยวไทยไปทั่วทุกหัวเมืองหลักอย่างกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เกาะสมุย เชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ
เมื่อกระแสจีนเที่ยวไทยหลั่งไหลไม่ขาดสาย คนเยอะ...ปัญหาย่อมเยอะตามจนทำให้คนไทยผู้ไม่ฝักใฝ่รักใคร่นักท่องเที่ยวแดนมังกร พร้อมใจสะท้อน "สตอรี่" มากมายจนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเชี่ยวกรากบนโลกโซเชียล!
ท่องเที่ยวไทยจะผ่านปัญหาเหล่านี้ไปได้อย่างไร "ประชาชาติธุรกิจ" รวบรวมมุมมองจากภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับแผนรับมือนักท่องเที่ยวจีนที่คาดกันว่าปี 2558 จะทะลักมาไทยมากถึง 5.9 ล้านคน ขยายตัวเกือบ 30% เมื่อเทียบกับยอดปีที่แล้วซึ่งเดินทางเข้ามา 4.6 ล้านคน
เพื่อไม่ให้คนไทยในฐานะ "เจ้าบ้าน" บางส่วนเกิดความรู้สึกเอือมระอาไปมากกว่านี้"กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาบอกว่า กระทรวงไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้พยายามทำทุกวิธีที่จะช่วยแก้ไขปัญหา
ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ก็ได้ทำคู่มือข้อควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติ (Do and Don"t) ออกมาเป็น 2 ภาษา ทั้งภาษาจีนและอังกฤษ เพื่อแนะนำนักท่องเที่ยวจีนขณะเที่ยวเมืองไทย และเร็ว ๆ นี้เตรียมผลิตภาพยนตร์แนะนำบนเครื่องบินเพิ่มอีกช่องทาง
"ก่อนอื่นคนไทยต้องเข้าใจก่อนว่า คนจีนที่มาเที่ยวบ้านเรานั้นส่วนใหญ่มากับบริษัทนำเที่ยว เป็นคนต่างจังหวัด ไม่ใช่คนเมืองใหญ่ และมักจะเป็นกลุ่มเดินทางมาไทยเป็นครั้งแรก บางคนอาจเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกด้วยซ้ำ ทำให้ไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทยมากพอ"
จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันระหว่างสองวัฒนธรรม!
"อยาก ให้คนไทยเข้าใจความรู้สึกคนจีนไม่ใช่เห็นพฤติกรรมที่ขัดกับวัฒนธรรมบ้านเรา แล้วถ่ายรูปแชร์ในโลกโซเชียลทันทีอยากให้เข้าไปแนะนำคนจีนกันตรงๆ เพราะเขาพร้อมจะทำตามที่เราบอก ทางกระทรวงเองก็มีแผนเตรียมเปิดตัวโครงการเจ้าบ้านที่ดีในช่วงครึ่งปีหลัง"
เพราะเหตุผลสำคัญข้อเดียวคือ"เรายังต้องการคนจีนมาเที่ยวไทย"
รมว.หญิงย้ำชัดถึงเป้าหมายของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย "จีนถือเป็นตลาดหลักที่ไทยต้องพึ่งพาในการสร้างรายได้เข้าประเทศ และนับเป็นตลาดสำคัญที่ช่วยชดเชยรายได้ท่องเที่ยวที่หายไป หลังตลาดอเมริกาและยุโรปชะลอตัว"
เนื่องจากจีนเป็นตลาดที่ "ตัดสินใจง่าย" สามารถเดินทางด้วยเที่ยวบินตรงจากเมืองต่าง ๆ ที่สายการบินหลายเจ้าทั้งไทยและจีนพร้อมใจปักธงเปิดเส้นทางบินมาไทยในหลาย ๆ เมือง
นอกจากนี้ การเดินทางด้วยรถยนต์ก็ถือเป็นกระแสที่มาแรงมาก ๆ โดยเฉพาะคนจีนตอนใต้นิยมขับรถเที่ยวผ่านด่านเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อมาเที่ยว ชิม ช็อป ในเชียงรายกับเชียงใหม่
อย่างไรก็ตาม ถึงจะเป็นตลาดที่ตัดสินใจง่าย แต่กระนั้น...พี่จีนของเราก็ "อ่อนไหวง่าย"เช่นกัน !
ต่อเรื่องนี้ "อิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก" ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (สทท.) บอกว่า การอัดแคมเปญปรับทัศนคติและพฤติกรรมคนไทยให้เป็น "เจ้าบ้านที่ดี"ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะอย่างที่ทราบกันจีนเป็นชาติที่อ่อนไหวง่าย หากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์นักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น ๆ อาจทำให้ชาวจีนเปลี่ยนไปเที่ยวประเทศอื่นได้ เมื่อเห็นว่าไทยเราไม่ต้อนรับเขา
"กระแส ตลาดจีนกลับมาฟื้นตัวดีเต็มที่เมื่อเทศกาลตรุษจีนเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวลาเขาทำอะไรไม่ถูกต้องหรือขัดกับหลักวัฒนธรรมไทยทางฝั่งผู้ประกอบการท่อง เที่ยวไทยเองก็มีมาตรการให้ความรู้ว่าสิ่งไหนควรทำ ไม่ควรทำ พยายามแทรกข้อควรรู้ตั้งแต่ขั้นตอนการขอวีซ่าและขั้นตอนเดินทางมาไทย ในเร็ว ๆ นี้ที่จะมีภาพยนตร์แนะนำฉายบนเครื่องบิน เชื่อว่าจะช่วยให้ความรู้แก่คนจีนที่มาเที่ยวไทยได้ดีในระดับหนึ่ง" ประธาน สทท.กล่าว
ก่อนหน้านี้ "อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป" หรือ "ไอเอชจี" เชนรับบริหารโรงแรมระดับโลก ได้จับมือกับ "ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์" ตีพิมพ์ผลการศึกษาเกี่ยวกับตลาดการท่องเที่ยวจีน ซึ่งตีพิมพ์เมื่อมีนาคมที่ผ่านมา เผยถึงโอกาสซึ่งจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวทั่วโลกจะได้รับประโยชน์จากรูปแบบการท่องเที่ยวของชาวจีนที่กำลังเปลี่ยนไป
รายงานอนาคตตลาดนักท่องเที่ยวจีนฉบับดังกล่าวระบุว่าแนวโน้มทางเศรษฐกิจและประชากรในเชิงบวกที่มีอิทธิพลต่อตลาดท่องเที่ยวจีน จะส่งผลให้ความต้องการในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนพุ่งสูงขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วงทศวรรษหน้า
แนวโน้มที่น่าสนใจมากๆ คือ ชาวจีนใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนต่อระบบเศรษฐกิจในประเทศต่าง ๆ
โดยประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน คาดว่าในปี 2566 กรุงเทพฯจะมีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นกว่า 6.9 แสนคน สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ กรุงเทพฯยังเป็นเมืองที่มียอดใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวจีนสูงที่สุดในโลกในปี 2556 ด้วยจำนวนกว่า 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีพัทยาเป็นอันดับ 2 ด้วยจำนวนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและคาดว่ายอดใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวจีนในกรุงเทพฯจะเพิ่มขึ้นกว่า 130% หรือเป็นจำนวนกว่า 8.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566
ประเด็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับเทรนด์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนในอนาคต พบว่าในปี 2566 จะมีชาวจีน 88 ล้านครัวเรือนสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้มียอดรวมจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศจะมีถึงเกือบ97ล้านคน หรือเติบโต 5% ต่อปี และเมื่อโฟกัสเฉพาะตลาดจีนที่เดินทางมาไทยในปีดังกล่าว คาดเพิ่มขึ้นเกือบ 40%
โดยปัจจัยดึงดูดสำคัญ คือ การเดินทางไปเที่ยวและการขอวีซ่าได้ง่ายขึ้น ก็จะหนุนให้เดสติเนชั่นนั้นได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากขึ้นด้วย โดยในช่วงที่ผ่านมาพบว่าเดสติเนชั่นที่มีการปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับชาวจีนจะมีปริมาณนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มขึ้นถึง20%
และนี่คือมุมมองวิธีรับมือของภาครัฐและเอกชนไทยรวมถึงเทรนด์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนในอีกทศวรรษหน้า ที่ไทยจะต้องรับมือกับกระแสดีมานด์เที่ยวของนักท่องเที่ยวแดนมังกรที่มีแนวโน้มหลงใหลอยากจะเข้ามา "ลอสต์ อิน ไทยแลนด์" อย่างต่อเนื่อง !
ไร่รักษ์ไม้,Eosgear,มูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,victorinox,แปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit,ราคา,อร่อย