จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
กฟผ.บีบซื้อไฟฟ้าจากเอสพีพีได้มากสุด 5-10 เมกะวัตต์ เหตุสำรองไฟฟ้าล้นระบบ รอหารือเรกูเลเตอร์อีกรอบ 12 ก.พ.นี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) จำนวน 25 โรงที่ผลิตไฟฟ้าด้วยระบบผลิตพลังงานร่วม (Cogeneration) ประเภทสัญญา Firm ซึ่งกำลังจะทยอยสิ้นสุดอายุสัญญาในปี 2560 - 2568 ตามมติประชุม กบง. เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2558 ที่ผ่านมา ที่ให้กฟผ. พิจารณารับซื้อไฟฟ้าจากการขายให้ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เท่าที่จำเป็น ด้วยสัญญาที่เหมาะสมและเป็นธรรม และไม่เป็นภาระต่อราคาค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้า ว่า การเจรจายังไม่มีข้อยุติเนื่องจาก กฟผ.แจ้งว่า สามารถที่จะรับซื้อไฟฟ้าจากแต่ละรายได้ประมาณ 5-10 เมกะวัตต์ เท่านั้น โดยพิจารณาจากผู้ประกอบการเอสพีพี ที่ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมเป็นลำดับแรก
ขณะที่ผู้ประกอบการต้องการที่จะขายไฟฟ้าให้กับกฟผ. ภายใต้สัญญาที่ทำใหม่ในปริมาณ 60 เมกะวัตต์ ซึ่งลดลงจากสัญญาเดิม ที่ขายอยู่จำนวน 90 เมกะวัตต์
แหล่งข่าว กล่าวว่า กฟผ.ให้เหตุผลว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาพรวมของประเทศไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก และปัจจุบันสำรองไฟฟ้าของประเทศอยู่ในระดับสูงประมาณ 25% และจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นประมาณ 40%ในปี 2566-2568 จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับซื้อไฟฟ้าจากเอสพีพี ที่กำลังจะหมดสัญญา จึงยอมให้ขายไฟฟ้าส่วนเกินเข้าระบบได้ประมาณ 5-10% และจะรับซื้อในอัตราปกติ เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาระค่าไฟฟ้าของประชาชน
นายไพทูร ไพศาลสุขวิทยา อุปนายกสมาคมผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน กล่าวว่า การเจรจาขณะนี้ยังไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากภาครัฐไม่ต้องการให้ขายเข้าระบบของกฟผ.เลย โดยให้ขายเฉพาะลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น
"ที่ผ่านมาเอสพีพี ยอมถอยมากที่สุด โดยลดการขายไฟฟ้าเข้าระบบ กฟผ.ลง 30% หรือลดลงเหลือ 60 เมกะวัตต์ต่อโรง จากปกติที่ขายเข้าระบบ 90 เมกะวัตต์ต่อโรง และยอมลดค่าไฟฟ้าที่ขายเข้าระบบ กฟผ. ลงประมาณ 5-10 สตางค์ต่อหน่วย จากปกติขายอยู่ 3.40 บาทต่อหน่วย แต่จะลดได้มากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นกับเงื่อนไขและการต่อรองกันต่อไป"
ทั้งนี้ภาคเอกชนได้ยื่นข้อเสนอดังกล่าวเข้าที่ประชุม ระหว่างผู้ผลิตไฟฟ้าเอสพีพีกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรกูเลเตอร์ ซึ่งรับหน้าที่เป็นตัวแทนภาครัฐเจรจากับเอกชนในการประชุมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง และคาดว่าต้องมีการหารือกันอีกครั้งในวันที่ 12 ก.พ. 2558 อีกครั้ง ก่อนจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 16 ก.พ. 2558
นายไพทูร กล่าวว่า เอกชนคงไม่สามารถงดขายไฟฟ้าทั้งหมดเข้าระบบ กฟผ.ได้ เนื่องจากเป็นเงื่อนไขที่สถาบันการเงินใช้เป็นข้อพิจารณาในการปล่อยกู้เงินสำหรับสร้างโรงไฟฟ้า ซึ่งการขายไฟฟ้าเข้าระบบ 60 เมกะวัตต์ เป็นปริมาณที่ต่ำสุดที่สถาบันการเงินจะรับได้ หากต่ำกว่านี้สถาบันการเงินจะไม่ปล่อยกู้และผู้ผลิตไฟฟ้าเอสพีพีจะไม่มีเงินลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ แม้นจะได้รับอนุญาตให้ต่อสัญญาหรือทำสัญญาสร้างโรงไฟฟ้าฉบับใหม่ในอนาคตก็ตาม
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,อะไหล่ victorinox,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit