จากประชาชาติธุรกิจ
ช่วงหน้าหนาวนี้ใคร ๆ ก็บอกว่า "อากาศดี ชอบ ๆ" อยากให้เป็นแบบนี้ไปอีกนาน ๆ
คนต่างจังหวัดที่ได้สัมผัสอากาศหนาวเย็นอยู่เป็นประจำทุกปี ๆ อาจจะบอกว่าหนาว แต่คนกรุงเทพฯนานทีปีหนถึงจะได้เจออากาศแบบนี้สักที ร้อยทั้งร้อยชอบ
ครับ ถือเป็นโชคดีของบ้านเรา ที่ปีนี้ธรรมชาติเป็นใจ อากาศหนาวเย็นมาเยือนตามฤดูกาล โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสานที่เริ่มสัมผัสความเย็นได้ตั้งแต่ช่วงปลาย ๆ เดือนตุลาคมที่ผ่านมาแล้ว
ผู้คนจากทุกสารทิศเริ่มทยอยไปสัมผัสอากาศหนาวตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ
อากาศที่หนาว แม้อาจจะไม่เป็นที่พึงปรารถนาของคนบนยอดดอยทุรกันดารแดนไกล แต่อีกมุมหนึ่ง ธรรมชาติของความหนาวเย็นก็มีประโยชน์ในแง่ของการกระตุ้นการท่องเที่ยว การจับจ่าย ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมเรื่อยมาจนถึงวันหยุดยาวปีใหม่ ผู้คนจำนวนมากที่หลั่งไหลไปสัมผัสความหนาวเย็นทางภาคเหนือและอีสาน โดยเฉพาะเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน น่าน เขาใหญ่ ปากช่อง วังน้ำเขียว เลย เขาค้อ หนองคาย ฯลฯ
เรียกว่าคึกคักไม่น้อยเลยทีเดียว ธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ-เครื่องดื่ม ร้านขายสินค้าที่ระลึก ของฝาก รีสอร์ต โรงแรม ฯลฯ มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตาเห็น
ถึงวันนี้อากาศยังหนาวอยู่ และคาดว่าจะลากยาวไปจนถึงช่วงปลายเดือนมกราคม ที่สำคัญโมเมนตัมของการท่องเที่ยวยังไม่จางหาย สังเกตจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไปนครราชสีมา ตามเส้นทางที่ผ่านตั้งแต่สระบุรี ฟาร์มโชคชัย ไปจนถึงเขาใหญ่ ส่วนขากลับวิ่งไปใช้ถนนเส้น 304 เพื่อมุ่งหน้าสู่ชลบุรี ก่อนจะวกกลับเข้ากรุงเทพฯ จากปักธงชัย-วังน้ำเขียว-กบินทร์บุรี ผ่านอุทยานแห่งชาติทับลาน-วังน้ำเขียว พบว่าผู้คนยังเดินทางท่องเที่ยวอย่างหนาตา
แม้จะเป็นเพียงช่วงสั้น ๆ เพียงประมาณ 3 เดือน แต่ก็มีพลังมากพอที่จะช่วยปลุกเศรษฐกิจที่ซึมเซาให้คึกคักกลับขึ้นมาได้ ไม่มากก็น้อย
แต่อีกไม่นานฤดูหนาวก็คงผ่านไป ตามคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า จะสิ้นสุดลงในช่วงราว ๆ กลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ จากนั้นก็ถึงคิวของฤดูร้อนที่จะมาเยือน
อย่างที่รับทราบกันดีว่า สำหรับหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่า ภัยแล้งที่กำลังจะมาเยือนจะหนักหนาสาหัส และยาวนานมากกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แม้รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกระทรวงกลาโหม จะได้เตรียมความพร้อมในการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ขณะที่ภาคเอกชนทั้งผู้ประกอบการอุตสาหกรรม โรงแรม รีสอร์ต ฯลฯ ต่างก็ได้เตรียมความพร้อมในระดับหนึ่งเช่นกัน แต่ก็อย่าได้วางใจ
โดยเฉพาะเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ที่ต้องพึ่งพาและฝากอนาคตไว้กับน้ำเป็นสำคัญ จะลืมตาอ้าปากได้ จะหมดหนี้สิน หรือเป็นหนี้เป็นสินมากขึ้น น้ำเป็นตัวชี้อนาคต
ล่าสุดแม้หน้าหนาวจะยังไม่ผ่านไป แต่ก็เริ่มเห็นเค้าลางของความเหน็ดเหนื่อยที่กำลังจะเกิดตามมาบ้างแล้ว เช่น กรณีของสวนกล้วยไม้ ย่านนครชัยศรี นครปฐม ที่ทำรายได้เข้าประเทศอย่างมากมาย หรือชาวสวนทุเรียนเมืองนนท์ ก็เริ่มได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง เนื่องจากน้ำเค็มหนุน หรือแม้แต่การทำนาปรังในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีตัวเลขกว่า 3.17 ล้านไร่ ก็มีความสุ่มเสี่ยงต่อปัญหาขาดแคลนน้ำ และจะส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำในภาคอื่น ๆ ตามไปด้วย
หากพืชผลทางการเกษตรเสียหาย ปัญหาเรื่องปากท้อง หนี้สิน ก็จะมีทยอยตามมา
นั่นหมายถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ที่จะได้รับผลกระทบตามไปด้วยเช่นกัน
ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,อะไหล่ victorinox,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,servival Kit
