จาก โพสต์ทูเดย์
ไม่เคยคิดเลยว่า ไปพม่าแล้วต้องซื้อข้าวสารกลับมา เคยได้ยินว่า พม่ามีข้าวหอมพันธุ์ดีที่เลิศรสกว่าข้าวหอมมะลิบ้านเราแต่ไม่เคยลิ้มลอง พอมุดเข้าไปในตลาดเมียววดีเมื่อสองสามวันก่อน แล้วมีคนเชิญชวนให้ลองกินข้าว หอม "Pearl Paw San" ด้วยความอยากรู้ เลยยอมหิ้วข้าวพม่ากลับบ้านหนึ่งกิโล ในราคา 35 บาท
ข้าวหอม "Pearl Paw San" ของพม่าเป็นข้าวที่ชนะการประกวดรางวัลข้าวอร่อยที่สุดในโลก เมื่อปี 2554 ชนะปีเดียว คนไทยเป็นเดือดเป็นร้อน แล้วจำกันเอาไปพูดว่า พม่ามีข้าวหอมดีกว่าข้าวไทย เป็นไปเสียอย่างนั้น
เรื่องก่อนนั้นคือ ข้าวหอมมะลิของไทยก็เคยชนะเลิศรางวัลนี้มา 2 ปีซ้อนแต่ไม่มีใครสนใจ น่าจะจำเพิ่มกันอีกนิดว่า รางวัลนี้จัดโดย Rice Traders ปีที่ข้าว Pearl Paw San ของพม่าได้รับรางวัลนั้นเป็นการจัดประกวดเมื่อเดือนตุลาคม 2554 ที่นครโฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม
ปีนั้นเป็นการชิงดำระหว่าง ข้าวหอมมะลิ แชมป์เก่าจากไทย Pearl Paw San ของพม่าและ ข้าวสีดำสายพันธุ์ Venere ของอิตาลี พ่อครัวฝรั่ง 2 คนๆหนึ่งจาก เลอ กอร์ดอง เบลอ สถาบันด้านศิลปะการทำอาหาร จากเมืองซาเครเมนโต สหรัฐอเมริกาซึ่งสถาบันนี้มีสาขาอยู่ทั่วโลก เมืองไทยดูเหมือนจะอยู่ที่โรงแรมดุสิตธานีกับพ่อครัวฝรั่งจากภัตตาคารในเมืองโฮจิมินห์ตัดสินให้ Pearl Paw Sanให้ได้รางวัลปีนั้น
ผมสอบถามพ่อค้าคนพ่อว่า เวลาหุงต้องใส่น้ำมากไหม เขาบอกว่า ใส่น้ำมากหน่อย
ด้วยความใจดีของพี่สาวที่แม่สอด ไม่ทันถึงกรุงเทพคืนนั้นก็ได้รู้รสของแชมป์ข้าวโลกปี 2554 Pearl Paw San เป็นข้าวที่เมล็ดสั้นเหมือนข้าวญี่ปุ่นแต่มีคุณสมบัติพิเศษอยู่อย่างคือ เวลาหุงสุกแล้ว เมล็ดข้าวกลับยืดยาวออกมา สิ่งที่ผิดกันคือ ข้าวญี่ปุ่นจะมียา เหนียวจับเป็นก้อน แต่ข้าวพม่า ไม่มียาง ร่วน ซุย แต่ 2 กรรมการผู้ตัดสินให้ชนะโดยให้เหตุผลว่า ไม่ใช่แค่ข้าวมันยืดได้แต่ยังมีความแน่นตัว พอเคี้ยวก็ให้สัมผัสที่ดี อันนี้ก็ลิ้นใครลิ้นมันล่ะครับ ลิ้นของผมนั้น อาจจะคุ้นกับข้าวมียาง เลยเฉยๆกับ Pearl Paw San มันนุ่มอยู่แต่ไม่หอมเลย ไม่รู้จมูกผมเสียหรือเปล่าไม่รู้ แต่ไม่ได้กลิ่นจริงๆ
มีคนแนะนำว่า ถ้าเอาเอาไปทำข้าวผัด คุณสมบัติเรื่องความร่วน ซุย อาจจะกลายเป็นคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้อาหารประเภทนั้นวิเศษขึ้นมาก็ได้ คำแนะนำนี้น่าสนใจเพราะหุงแล้ว Pearl Paw Sanไม่แฉะและไม่แข็งเกินไป สรุปข้าวพม่าที่เคยติดอันดับหนึ่งมาเมื่อปี 2554 ขีดเส้นใต้ประโยคนี้นะครับจะได้ไม่เป็นการสร้างมายาคติที่ผิดๆว่า ข้าวเขาดีกว่าข้าวเรา พูดไปพูดมากลายเป็นเราทำลายตลาดข้าวเราเสียเอง
สรุปอีกที ข้าวพม่าที่เคยติดอันดับหนึ่งมาเมื่อปี 2554 ยังไม่แซ่บเท่าที่จิ้นไว้ แต่พ่อค้าคนลูกที่ช่วยพ่อค้าอยู่นี้หน้าตาดีมั่ก เพื่อนร่วมคณะที่ไปด้วยกันกันถ่ายรูปเขายกใหญ่ เข้าใจว่า ถ้าร้านนี้อยู่เมืองไทย คงได้ออกรายการพ่อค้าแซ่บแน่นอน
นึกอีกที ถ้ากระทรวงพาณิชย์จะหาทางระบายข้าวต้องหาพ่อค้าแซ่บมาโปรโมทก็น่าจะช่วยได้เพราะเดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ก็กินข้าวน้อยลงมาก
ขณะที่เราย่ำยีข้าวของเราจนเละเทะ พม่ากำลังพัฒนาข้าวของเขาอย่างขะมักเขม้น นอกจาก Pearl Paw San แล้วพม่ามีข้าวหอมหลายพันธุ์ครับและเมื่อหลายสิบปีก่อนเขาเคยเป็นแชมป์ส่งออกข้าวไปสู่ตลาดโลก ก่อนเมืองไทยมาแย่งตำแหน่งเขาเข้าใจว่า พม่าคงอยากจะเอาตำแหน่งนี้คืนอยู่เหมือนกัน
ใครมีโอกาสก็ลองอุดหนุนเพื่อนบ้านดูนะครับ อย่างน้อยเราก็จะได้รู้จักของดีบ้านเพื่อนเราดีขึ้น ชอบไม่ชอบไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้ช่วยอุดหนุนกัน ของอย่างนี้ลางเนื้อชอบลางยา
ใครยังไม่ได้ชิมก็บริโภคพ่อค้าแซ่บไปก่อนแล้วกัน....
ขอบคุณภาพ-เรื่อง : ภัทระ คำพิทักษ์
ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,ไร่รักษ์ไม้สวนศิริผล,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,สินค้าเกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต