จาก โพสต์ทูเดย์
เรื่อง...อินทรชัย พาณิชกุล
พฤติกรรมไม่น่ารักของ นักท่องเที่ยวชาวจีน จำนวนไม่น้อยถือเป็นปัญหาโลกแตกที่หลายประเทศต้องกุมขมับคิดหาวิธีรับมือกันสุดฤทธิ์
โดยเฉพาะเมืองไทย นอกจากจะมีชาวจีนแห่ทะลักเข้ามาเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่าหนึ่งแสนล้านบาทแล้ว ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังได้สัมผัสความเกรียนของทัวร์จีนกันชนิดซาบซึ้งไปถึงหัวใจ จนร้องยี้กันเป็นแถว
วันนี้ หลังกระแสก่นด่าสาปแช่งซาลง หลายคนเริ่มหันมาปรับตัวรับมือ หวังให้เกิดความเข้าใจตรงกันระหว่างเจ้าบ้านและแขกผู้มาเยือน
เผื่อว่าวันข้างหน้าจะดีขึ้นบ้าง….
ไปไหนใครก็ส่ายหัว
ความสำเร็จอย่างท่วมท้นของภาพยนตร์เรื่อง Lost in Thailand ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวจีนในเมืองเชียงใหม่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เกสเฮาส์ยันโรงแรมห้าดาวถูกจองเต็ม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างประตูท่าแพ ถนนคนเดิน ดอยสุเทพ ไนท์บาซาร์ วัดพระสิงห์ ยันมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เต็มไปด้วยทัวร์จีนคุยกันโล้งเล้งเสียงดัง
เมื่อมากคนก็มากความ ตามมาด้วยความวุ่นวายโกลาหลในที่สุด
ไล่ตั้งแต่ปัญหาคลาสสิกอย่างขับถ่ายแล้วไม่ราดน้ำ แกะห่อสินค้าชิมหน้าตาเฉย ใช้สายชำระในส้วมอาบน้ำ ขับรถแย่ชนิดตำรวจจราจรต้องกุมขมับ สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะแต่พอเช็คบิลกลับทำหน้ามึนบอกไม่ได้สั่ง บุกเข้าไปถ่ายรูปเล่นถึงห้องเล็คเชอร์ ขณะกำลังมีการเรียนการสอนกันอยู่ในมหาวิทยาลัย และอื่นๆอีกมากมาย
ผู้ประกอบการหลายรายติดป้ายคำเตือนเป็นภาษาจีน บางรายถึงขั้นประกาศแบนไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเลยก็มี ด้านมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกคำสั่งไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินเที่ยวด้วยตัวเอง ยกเว้นขึ้นรถไปในพื้นที่ที่จัดไว้ให้เท่านั้น
ทั้งหมดนี้จึงเกิดการตั้งเพจ เรารักนักท่องเที่ยวจีน ขึ้น เพื่อประจานพฤติกรรมสุดทนของนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ
“เพจนี้ไม่ได้ทำเอามัน ไม่ใช่เพื่อโจมตี หรือยุให้เกลียดคนจีน แต่นำเสนอเรื่องจริง ภาพจริง เหตุการณ์จริงที่สร้างความเดือดร้อนให้คนหลายกลุ่ม หวังปลุกกระแสให้ทุกฝ่ายหันมาให้ความสำคัญ และช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้มันดีขึ้น”เป็นคำชี้แจงของแอดมินเพจเรารักนักท่องเที่ยวจีน
ชาวเชียงใหม่รายนี้บอกว่าจะปิดเพจก็ต่อเมื่อทุกอย่างเป็นอย่างที่มันควรจะเป็น หรือไม่ก็ปัญหาเบาบางลงจนเหลือน้อยที่สุด
สถานการณ์เริ่มดีขึ้น?
วันนี้ แม้นักท่องเที่ยวจีนจะยังคงหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่กันคึกคักเช่นเคย แต่ทัศนคติของคนในพื้นที่เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ข้อนี้ พิชัย (Kobby) บุญคุ้มอยู่ เจ้าของร้าน Little Cook Café ยืนยันได้
"ผมว่าเราผ่านช่วงวิกฤตมาแล้วนะ เชื่อว่าปีต่อๆไปจะเริ่มดีขึ้น ตัวนักท่องเที่ยวจีนเองเขาก็เริ่มมีการว่ากล่าวตักเตือนกันเองปากต่อปากว่าไปร้านนี้ห้ามทำอย่างนี้ ไปร้านนี้อย่าทำแบบนั้น ไม่งั้นจะโดนเจ้าของร้านด่า ผู้ประกอบการเองหลายคนมาคิดได้ว่าไปด่าเขาก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา สู้ไปช่วยให้เขารู้ธรรมเนียม รู้วัฒนธรรมการกินอยู่ใช้ชีวิตที่ต่างกันให้มันลงตัวดีกว่า อย่างการติด ‘ป้ายแนะนำ’ ผมไม่ใช้คำว่า ‘ป้ายเตือน’ นะ เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ควรเป็นเจ้าภาพดำเนินการในการติดสัญลักษณ์เป็นภาษาจีนทั่วเมืองเลย ทั้งกฎจราจร ทิ้่งขยะให้เป็นที่เป็นทาง การใช้ส้วม การรักษาความสะอาด มารยาทในสถานที่ต่างๆ
ตั้งแต่เกิดเรื่อง ทางการจีนเขาก็ออกกฎหมายรุนแรงลงโทษคนที่ไปสร้างปัญหา สร้างความเสื่อมเสียในต่างประเทศด้วยการเพิกถอนใบอนุญาตการเดินทาง ผมว่าจริงๆแล้วคนจีนน่าสงสารนะ เหมือนเด็กที่ถูกปิด อยากออกไปดูโลกภายนอก ไม่เคยเห็นอะไรแปลกหูแปลกตาที่มันแตกต่างจากบ้านเขา เราเป็นเจ้าบ้านต้องช่วยเขาเรื่องความไม่เข้าในในการสื่อสาร ภาษา วัฒนธรรม ยิ่งเศรษฐกิจแย่ๆแบบนี้ นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นฮีโร่ที่มาช่วยเราด้วยซ้ำ"
เสียงสะท้อนจากเจ้าบ้าน
ศิวพร พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินแห่งหนึ่ง มองว่า ภาพลักษณ์ของนักท่องเที่ยวจีนคือ นิสัยเอะอะเสียงดัง ไร้ระเบียบ
"พูดคุยเสียงดังไม่เกรงใจคนอื่น กินตรงไหนทิ้งตรงนั้น เคยเจอครั้งหนึ่งขณะกำลังใช้ถุงขยะเดินเก็บขยะ ผู้โดยสารจีนที่นั่งด้านในพยายามถุยหมากฝรั่งใส่ถุงขยะที่เราถืออยู่ข้ามหน้าผู้โดยสารจีนอีกคนนึงที่นั่งด้านนอก แต่ปรากฎว่ามันร่วง ผู้โดยสารที่อยู่ด้านนอกเลยใช้มือเปล่าหยิบ แล้วมันก็ยืดๆเป็นเส้นๆ ทั้งสองคนช่วยกันหยิบๆสาวๆหมากฝรั่งใส่ถุงขยะ ซึ่งดูเป็นเรื่องปกติมากสำหรับคนจีนแต่มันสกปรกนะ
อีกหนนึงตอนเครื่องกำลังจะลง ล้อใกล้แตะพื้นในอีกไม่ถึงนาที ทุกคนต้องนั่งรัดเข็มขัด แต่ผู้โดยสารจีนคนหนึ่งกลับปลดเข็มขัดลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ เรานี่อึ้งไปเลย ผู้โดยสารจีนดีๆก็มีนะคะ คนแก่ๆจะน่ารัก เราบอกอะไรก็จะทำตาม"
เธอเสนอว่าควรให้หัวหน้าทัวร์อธิบายถึงขนบธรรมเนียมของไทย สิ่งที่ห้ามทำ สิ่งที่ควรทำ ขณะเดียวกันการมาเที่ยวนอกบ้านตัวเอง ตัวนักท่องเที่ยวก็ควรที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมบ้านเขาด้วย เหมือนสุภาษิตไทยที่ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ไม่ใช่ทำอะไรโดยไม่แคร์ใคร ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
พงศธร เจ้าหน้าบริการอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บอกว่า พฤติกรรมไม่เหมาะสมส่วนใหญ่มาจากกรุ๊ปทัวร์มากกว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยตัวเอง
"ปัญหาที่เจอบ่อยคือแซงคิว ไปไหนก็ไปกันเป็นขบวน ไม่ฟัง ไม่สนใจคนอื่น บางทีอยากจะรื้อกระเป๋าก็นั่งคุกเข่าเปิดกระเป๋าตรงแถวเช็คอินเลย แถมทิ้งขยะเรี่ยราดตรงนั้น หากเกิดปัญหาจากกรุ๊ปทัวร์ ผมใช้วิธีแจ้งไปยังหัวหน้ากรุ๊ปทัวร์ หรือไกด์ให้เขาไปกำชับดูแลคนของเขาเอง"
อัมรินทร์ ปรีชาวุฒินันท์ Assistant Chief Concierge โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ มองว่า สิ่งที่ต้องขบคิดคือ จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวจีนเหล่านี้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องประเพณีวัฒนธรรมของไทย ธรรมเนียมที่พึงปฏิบัติ มากกว่ามานั่งดูถูกเหยียดหยาม
"ตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุด มีกำลังซื้อมากที่สุด สิ่งที่เราต้องทำคือให้ความรู้พวกเขา เริ่มจากบริษัททัวร์ หรือมัคคุเทศน์ ควรให้มีการอบรมเรื่องการชี้แจงกฎกติกา ธรรมเนียมปฏิบัติ อะไรที่ควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำแก่นักท่องเที่ยว ก่อนจะเดินทางมาเที่ยวในเมืองไทย ลึกไปกว่านั้น การท่องเที่ยวจีนและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ควรยกเรื่องนี้กันมาพูดคุยกันอย่างจริงจังระดับนโยบายเลยว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร"
พัชราวดี คงแก้ว เจ้าของบริษัท หจก.วิชั่นทัวร์ บอกเล่าถึงการทำงานให้ฟังว่า นอกจากการแจ้งเรื่องอุณหภูมิ การแลกเปลี่ยนเงินตรา จุดนัดพับ สถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ต้องสอดแทรกเรื่องประเพณีวัฒนธรรม ธรรมเนียมปฏิบัติ รวมถึงข้อห้ามต่างๆลงในกำหนดการให้นักท่องเที่ยวล่วงหน้าก่อนเดินทางด้วย
"สิ่งที่อยากจะเสนอแนะอีกอย่างก็คือ ขณะนั่งเครื่องบินเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย บนหน้าจอโทรทัศน์ควรฉายพรีเซนเทชั่นวิถีชีวิต วัฒนธรรมการอยู่การกิน แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เอาให้มันทันยุคสมัย ไม่ใช่ฉายแต่ภาพสถานที่ท่องเที่ยวเก่าๆโบราณๆ เรื่องนี้เป็นหน้าที่ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยต้องประสานกับสายการบิน ถ้ามีจะเป็นประโยชน์มาก"
ตราบใดที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังเป็นรายได้หลักของประเทศ และนักท่องเที่ยวจีนคือองค์ประกอบสำคัญ ดังนั้นการคิดหาวิธีการรับมือพฤติกรรมไม่น่ารักด้วยการให้ความรู้ความเข้าใจ ออกหนังสือคู่มือการท่องเที่ยว แม้กระทั่งปิดป้ายประกาศเป็นภาษาจีน ก็ล้วนส่งผลดีต่ออนาคตทั้งสิ้น ดีกว่ามานั่งก่นด่าสาปแช่งให้เปลืองลมปากโดยเปล่าประโยชน์
ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,ไร่รักษ์ไม้สวนศิริผล,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,สินค้าเกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต