จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...ทีมข่าวภายในประเทศโพสต์ทูเดย์
หลังกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ออกมาตรการจัดระเบียบเข้มรอบ “คลองถม” เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตจราจร ส่งผลให้ผู้ค้าร่วม 2,000 ราย ต้องออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 1 ม.ค. 2558 เรียกได้ว่าเป็นการ “ปิดตำนาน” คลองถมอย่างสมบูรณ์
สวนทางโดยสิ้นเชิงกับ “ตลาดกลางคืน” อีกหลากหลายใน กทม.ซึ่งยังคงคึกคักมีชีวิต เม็ดเงินจำนวนมหาศาลนับหมื่นล้านหมุนเวียนหล่อเลี้ยงไม่มีที่สิ้นสุด
ตลาด “รถไฟ” ศรีนครินทร์ เป็นตลาดนัดกลางคืน ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองกรุง ตั้งอยู่ในซอยศรีนครินทร์ 51 เปิดมาเกือบสองปี เดิมย้ายมาจากตลาดนัดรถไฟจตุจักร ถือเป็นที่นิยมของวัยรุ่น กทม. เพราะขึ้นชื่อเรื่องวินเทจ ของเก่า ของสะสมหายาก ไม่ว่าจะเป็นรถโบราณ อะไหล่รถคลาสสิก เฟอร์นิเจอร์ จักรยานโบราณ ถ้วยโถโอชาม ของตกแต่งต่างๆ
สำหรับค่าแผงค้าในโซนพลาซ่า ค่าเช่า 4,000-7,000 บาท/เดือน แต่ถ้าเช่าเซ้งต่อเหยียบหลักหมื่นและยังมีล็อกสินค้าแบกะดินทั้งแบบประจำ ชั่วคราว ค่าเช่าคิดเป็นรายวัน ประมาณ 200-400 บาท และยังมีโซนโกดังอีกที่ราคาเช่าหลักหมื่นบาท
ตลาดศรีนครินทร์ มี 2 โซน คือ โซนพลาซ่าเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ และโซนตลาดนัดเปิดวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00-24.00 น. วันๆ หนึ่งมีคนมาตลาดนัดรถไฟไม่ต่ำกว่าหมื่นคน บางครั้งเหยียบหลักแสน ทำให้มีเงินหมุนสะพัดในการจับจ่ายในตลาดนัดรถไฟแห่งนี้ไม่น้อยไปกว่าห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่
ไพโรจน์ ร้อยแก้ว เจ้าของตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์และรัชดาฯ บอกว่า ตลาดแห่งนี้จัดเป็นตลาดที่คนเยอะที่สุดตอนนี้ เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด พื้นที่ 62 ไร่ ลานจอดรถ 22 ไร่ ที่เหลือพื้นที่การค้าแยกเป็นร้านตลาดนัด 1,500 ร้าน แบบโกดังมี 200 กว่าร้าน พลาซ่าอีก 500 กว่าห้อง คืนหนึ่งมีคนมาซื้อของหลายหมื่นคน
“เงินหมุนเวียนน่าจะหลายล้านบาท ช่วงเศรษฐกิจดีน่าจะสิบล้านบาท/วัน แต่หลักๆ ไม่น้อยกว่า 5-6 ล้าน/วัน”
ไพโรจน์ บอกว่า เหตุที่ตลาดแห่งนี้บูมที่สุดเพราะเป็นตลาดเดียวที่มีโชว์ทุกวัน มีดนตรี ศิลปวัฒนธรรมไทยและเทศ ครบ “ช็อป ชิม ชิล แชะ แชร์” ได้หลายอย่าง เป็นที่ฮิตของคนวัยรุ่น ลูกค้าที่มีมาเดินนี้ มีคนเก่าๆ ตามมาจากตลาดรถไฟ
อีกแห่ง คือ แบกะดินที่ตลาดมืดคลองถม ตลาดระดับตำนานของ กทม. รู้จักตั้งแต่ปี 2530 เนื่องจากอยู่ใกล้กับเยาวราช มีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาจับจองพื้นที่ริมถนนช่วงเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ สินค้าส่วนใหญ่เป็นของเก่ามือสอง อาทิ หนังสือ กีตาร์ พระเครื่อง และของเก่าขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์รถยนต์ ประดับยนต์ รวมทั้งของจิปาถะต่างๆ เป็นที่รู้กันว่าสินค้าบางอย่างถูก “โจรกรรม” มา คนที่จะเลือกซื้อสินค้าจะต้องส่องไฟเพราะรอบข้างมืดทึบ สถานที่แห่งนี้จึงถูกขนานนามใหม่ว่า “ตลาดไฟฉาย”
ด้านแผงค้า อย่างร้าน “หนังสือมือสอง” พบว่ามีราคาตั้งแต่ 80-2,500 บาท โดยเจ้าของร้านขายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 5,000 บาท ขณะที่แผงขาย “ซีดี-ดีวีดี” เพลง ภาพยนตร์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เกม ละเมิดลิขสิทธิ์ รวมถึงภาพยนตร์ผู้ใหญ่ มียอดขายถึงวันละเฉียดๆ 2 หมื่นบาท เช่นเดียวกับร้าน “นาฬิกา” ซึ่งเป็นสินค้าก๊อบปี้แบรนด์เนมเกรดเอเอเอ สนนราคาเพียงเรือนละ 390-750 บาท นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่น 3 เรือน 1,000 บาท โดยมียอดขายกว่าวันละ 1 หมื่นบาท
มาที่ถนนข้าวสาร แหล่งบันเทิงเริงรมย์ชื่อดังระดับโลก ผสมกับแผงค้ากลาดเกลื่อน แม้ว่าภาพรวมในปี 2557 สถิตินักท่องเที่ยวจะต่ำกว่าปี 2556 ในช่วงเดือนเดียวกันอยู่ที่ 5-7% แต่ทว่ายอดจองห้องพัก โรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ ร่วม 8,500 ห้อง สร้างรายได้ให้กับข้าวสารเฉลี่ยวันละ 6.8 ล้านบาท/วัน ส่วนการช็อปปิ้งมากถึง 1.5-2 หมื่นบาท/คน/วัน
“สง่า เรืองวัฒนกุล” ที่ปรึกษานายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ประเมินว่า มีเงินสะพัดขั้นต่ำประมาณ 7.5 ล้านบาท/วัน เมื่อรวมกับมูลค่าการจองห้องพักแล้ว รวมทั้งสิ้นมีเงินหมุนเวียนบนถนนข้าวสารขั้นต่ำ 15 ล้านบาท/วัน
ถัดมาที่ ตลาดนัดเลียบด่วน “รามอินทรา” เพิ่งเปิดตัวให้จับจ่ายใช้สอยได้เพียง 1 ปีเศษ แม้จะเป็นน้องใหม่ใน “ตลาดกลางคืน” แต่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากเปิดให้ผู้ค้ามาขายของได้หลังเวลาเลิกงานและเลิกเรียน ตั้งแต่ 4 โมงเย็น-ตี 1 ทำให้มีของแนววัยรุ่นมากมาย โดยวันธรรมดามีร้านค้าประมาณ 300 ร้าน ส่วนวันศุกร์-อาทิตย์ มีมากถึง 700 ร้าน ราคาค่าเช่าเพียง 150-300 บาท/1 ร้าน
อีกแห่งตลาดนัดสยามสแควร์ แหล่งช็อปปิ้งของกลุ่มวัยรุ่นและหนุ่มสาวชาวออฟฟิศได้เลือกซื้อสินค้า เปิดตั้งแต่เวลา 19.30 น. ยาวจนถึงเวลา 22.30 น. ทุกวันเว้นวันจันทร์ แหล่งช็อปปิ้งจุดนี้จะคึกคักสุดช่วงเวลาสองทุ่มเป็นต้นไป
ทั้งนี้ พ่อค้าขายเสื้อผ้าบอกว่า ตลาดนัดยามค่ำคืนแห่งนี้ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี เพราะสถานที่หรือทำเลเป็นจุดศูนย์รวมของวัยรุ่นที่กำลังฟุ้งเฟ้อใช้เงินในการแต่งตัวหรือซื้อของ ทำให้ตลาดนัดกลางคืนอย่างสยามสแควร์มีเงินสะพัดต่อคืนด้วยตัวเลข 6 หลัก/วัน
อีกตลาดที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือ ตลาดรัชดาไนท์ ตลาดของเก่ามือสองรัชดาฯ ตั้งอยู่ที่ถนนรัชดาภิเษก ช่วงตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินรัชดาภิเษกจนถึงสถานีลาดพร้าว เปิดให้บริการเริ่มกันตั้งแต่เวลา 18.30 น. ไปจนถึงราวๆ 02.00 น. เฉพาะคืนวันเสาร์เท่านั้น ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งอะไหล่รถเก่า มอเตอร์ไซค์เก่าคลาสสิก รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้าน หรือแม้กระทั่งพวงกุญแจ นาฬิกา มีทั้งสินค้ามือหนึ่งและมือสองให้นักช็อปปิ้งได้เลือกซื้อกันตามใจชอบ และแม้จะเปิดเพียงสัปดาห์ละครั้ง แต่มีเม็ดเงินหมุนเวียนในตลาดจุดนี้หลักล้านบาท/วัน
ที่พลาดไม่ได้อีกที่ คือ “ตะวันนา” ตั้งอยู่ติดกับเดอะมอล์บางกะปิ เดิมเคยเป็นตลาดสดที่ขายสินค้าไม่ต่างจากตลาดทั่วไป ต่อมาถูกดัดแปลงเป็นแหล่งรวมสินค้าอุปกรณ์ไอที กระทั่งถึงยุคฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 พื้นที่โล่งซึ่งติดกับลานจอดรถก็ถูกดัดแปลงเป็นตลาดนัดเปิดท้ายขายของ ที่เรียกกันในสมัยนั้น ว่า “ตลาดนัดคนเคยรวย” เพราะผู้ค้าส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการ พนักงานบริษัทที่ปิดตัวลง ขนสมบัติส่วนตัว ของสะสมสารพัดชนิดมาขาย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของบริษัท ตะวันนา ไนท์บาซาร์ ระบุว่า ความคึกคักของตลาดแห่งนี้เริ่มแผ่วลง แผงค้าจาก 300 กว่าร้านก็เหลือประมาณ 250 ร้าน และรายได้พ่อค้าแม่ค้าลดลงไปกว่าครึ่ง
อ้อมไปที่ ตลาดสะพานพุทธ ตลาดยอดนิยมของเหล่าบรรดาวัยรุ่นนักศึกษา ที่ชมชอบเลือกซื้อสินค้าเหมาะสมกับวัย ทั้งเสื้อผ้า กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ที่ตลาดสะพานพุทธแห่งนี้มีให้เลือกทั้งของเก่าและของใหม่ เปิดขายยามค่ำคืนตั้งแต่เวลา 19.00-02.00 น. ทุกวันเว้นวันจันทร์ รวมแล้วกว่า 200 แผงร้านค้า
คนดูแลตลาด บอกว่า เสื้อผ้าหญิงหรือชายจะขายได้ระหว่าง 3,000-5,000 บาท หากเป็นเสื้อมือสองก็จะราคาใกล้เคียงกัน แต่หากเป็นของยากหรือของแพง ก็จะขายได้ยากหน่อย เฉลี่ยแล้วจากการคาดเดาของผมเองนะ ตลาดสะพานพุทธน่าจะมีเงินหมุนเวียนทุกวันประมาณ 6 แสน-1 ล้านบาท
เศรษฐกิจจะซบเซาแค่ไหน แต่นักช็อปยามค่ำคืนในเมืองกรุงยังคึกคักไม่เปลี่ยนแปลง
ตลาดมืดคลองถม-เสน่ห์น่าหลงใหลหรือไร้ระเบียบ
จาก โพสต์ทูเดย์
เรื่องและภาพ อินทรชัย พาณิชกุล / ภาพ...ทวีชัย ธวัชปกรณ์
“ไม่มีอีกแล้วนะครับ สุดท้ายแล้ว จะซื้อก็รีบเร่กันเข้ามา”
เสียงพ่อค้าป่าวประกาศ ท่ามกลางฝูงชนที่เดินเบียดเสียดหนาแน่น กวาดสายตาไปรอบๆรู้สึกได้ทันทีว่าคืนนี้ตลาดมืดคลองถมคึกคักกว่าวันไหนๆ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าข่าวจัดระเบียบแผงค้าหาบเร่บริเวณตลาดนัดกลางคืนย่านคลองถม โดยจะให้มีการขายสินค้าได้ถึงแค่ 31 ธ.ค.นี้ ก่อให้เกิดกระแสตื่นตัวไปอย่างกว้างขวาง พ่อค้าแม่ค้าหวั่นวิตกถึงอนาคตข้างหน้า ลูกค้าแห่แหนกันมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ช่วงสุดท้าย ก่อนจะไม่มีให้เห็นอีกต่อไปแล้ว
ตลาดวัดดวง
ตลาดมืดคลองถม ถือเป็นตลาดนัดขายของเก่าของมือสองที่มีสีสันที่สุดในกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้
ทุกๆคืนวันเสาร์ ใครผ่านไปแถวนั้นจะเห็นภาพอันคุ้นตา นั่นคือ การจราจรติดขัดแทบเป็นอัมพาต รถราจอดเรียงกันเต็มเอี้ยด คนนับพันเดินสวนกันขวักไขว่ ถนนทุกเส้นสาย ซอยทุกซอย ตรอกทุกตรอก แม้กระทั่งซอกหลืบมืดๆตามมุมตึกก็ดูเหมือนจะมีการจับจองพื้นที่ปูวางของขายกันแบบแบกะดิน พูดง่ายๆทุกตารางนิ้วในตลาดคลองถมมีเจ้าของแทบทั้งสิ้น
สินค้าที่วางขายมีตั้งแต่เครื่องครัว เครื่องมือช่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องดนตรี หนังสือ เสื้อผ้า ของเล่นเด็ก กระเป๋า รองเท้า อาวุธ ชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ เตาแก๊ส โถส้วม อุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือ แผ่นเอ็มพีสาม ซีดีโป๊ ยาโด๊ป เซ็กซ์ทอย ยันเครื่องบินบังคับวิทยุ ฯลฯ ปะปนกันทั้งของใหม่ของมือสอง หรือมือสาม สี่ ห้า ของแท้จากบริษัท ของเทียมจากจีน หรือของขโมยมา สนนราคาถูกแพงขึ้นอยู่กับฝีมือในการต่อรองของแต่ละคน
โชคชัย พันธุ์ศรี พ่อค้าของเก่าผู้คร่ำหวอดในตลาดคลองถมมานานกว่า 20 ปี บอกว่า บรรยากาศการค้าขายของตลาดมืดคลองถมไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
“สมัยก่อนยังมืดๆ ไม่มีแสงไฟนีออน พ่อค้าแม่ค้ามีแค่หนังสือพิมพ์ปูรองก้น วางของขาย เทียนเล่มนึงปักในแก้ววับๆแวมๆ คนซื้อก็ต้องพกไฟฉายมาส่องดูของเอาเอง เขาเรียกตลาดวัดดวง เพราะซื้อขายกันแบบตาดีได้ตาร้ายเสีย
ส่วนไอ้ที่เขาเรียกตลาดนัดขโมย เพราะมีเรื่องเล่ากันว่ามาจากนายตำรวจคนหนึ่งโดนยกเค้ารถส่วนตัว ด้วยความโมโหจึงพาลูกน้องสำรวจตลาดนัดคลองถม ปรากฎว่าเจอเครื่องเสียงรถยนต์ตัวเองวางขายอยู่จริงๆ เลยสั่งกวาดล้างใหญ่โตเลย อีกเรื่องคือมีหนุ่มคนหนึ่งเดินไปดูเครื่องเสียงรถยนต์ พบว่ามีรุ่นเดียวกับของตัวเอง สภาพยังใหม่ แถมราคายังถูกกว่าโขเลย จึงตัดสินใจซื้อกะว่าจะไปติดใส่รถภรรยา พอเดินกลับไปที่รถก็พบว่าเครื่องเสียงที่ซื้อมานั้นเป็นเครื่องเสียงของตัวเองที่เพิ่งถูกขโมยไปนี่แหละ ภาษาที่นี่เขาเรียกเจ้าที่แรง”พ่อค้าหนุ่มใหญ่หัวเราะลั่น
โชคชัยมองว่าตลาดมืดคลองถมเป็นศูนย์รวมสินค้าครบวงจร รองรับคนทุกกลุ่ม
“ยกตัวอย่างถ้าคุณจะเปิดร้านอาหารสักร้าน มาเดินที่นี่คุณจะพบว่ามีสินค้าทุกอย่างที่ตอบโจทย์จริงๆ ตั้งแต่หลังครัว เช่น เตาแก๊ส เตาอบ ซิงก์ กะทะ หม้อ ถ้วยชามช้อนส้อม เคาน์เตอร์ ยันเครื่องคิดเลข โคมไฟ ผ้าปูโต๊ะ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งหน้าร้านเลย
เคล็ดลับการเลือกของให้ถูกใจ ผมจะไปรอจับตลาดเช้าที่เขาจะเริ่มวางแผงตั้งแต่เช้าวันเสาร์ ของดีๆเยอะ พ่อค้าบางคนไม่รู้มูลค่าที่แท้จริงของสินค้า ภาษาคนขายของเรียก ตกควาย หมายถึงไม่รู้จริง ไม่เชี่ยวชาญ ขายผิดราคา อย่างเช่น ซาเล้งไปเก็บของเก่ามาขายคิดแค่ว่าได้กำไรสัก 200-300 บาทก็คุ้มแล้ว หาไม่รู้ว่ามูลค่าปลายทางของมันอาจไปถึงหลักหมื่นหลักแสนเลยก็ได้”
โรงเรียนวิชาซื้อขายต่อรอง
เสียงโหวกเหวกโวยวายต่อรองราคาระเบ็งเซ็งแซ่ไม่ต่างอะไรจากท่วงทำนองเพลงมาร์ชประจำคลองถม บางครั้งดุเดือดเลือดพล่านราวกับโต้วาที บางคราเชือดเฉือนกันด้วยคำพูดเจ็บแสบ เต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบหักเหลี่ยมกันยิ่งกว่าวงไพ่โป๊กเกอร์ ทั้งหมดนี้คือเสน่ห์ของตลาดมืดคลองถมที่ใครไม่เคยมาก็คงไม่รู้
สุรัชต์ สุดแสงสุก ศิลปินอิสระ แฟนพันธุ์แท้อีกคนหนึ่งของตลาดมืดคลองถม เขาบอกว่า ตลาดมืดคลองถมเปรียบเหมือนโรงเรียนสอนวิชาซื้่อขายต่อรอง ครูคือพ่อค้าท่าทางซอมซ่อ แต่เก๋าลายคราม คล้ายปรมาจารย์ในนวนิยายจีนกำลังภายใน
“ในหมู่นักสะสมของเก่ามีคำพูดคำพูดนึงว่า ต้องโง่ก่อนถึงจะฉลาด หมายถึงมือใหม่ทุกคนล้วนเคยถูกหลอกขายของเก๊กันทั้งนั้น เพราะยังไม่เชี่ยวชาญ ดูไม่เป็น ต้องอาศัยใจกล้าหน้าด้าน ถามมันดะให้หายสงสัย พอรู้มากเข้าก็ยากที่จะตกหลุมพราง
เสน่ห์ของตลาดคลองถมคือ ความธรรมดา ไม่มีต้องมีฟอร์ม พูดจาถูกคอก็คุยกัน บรรยากาศมีแต่มิตรภาพ ลูกค้าบางคนห่ามมา พ่อค้าก็กวนตีนกลับไป แต่พอสนิทสนมไว้ใจกัน บางทีจะมีการเก็บของไว้ให้ เพราะรู้ว่าลูกค้าชอบอะไร ทั้งที่ยังไม่รู้จักชื่อกันด้วยซ้ำ เคล็ดลับการซื้อของคือ ต้องมาบ่อยจนคุ้นหน้า ความคุ้นจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นครับ”
สำหรับเขา การเดินตลาดคลองถมเหมือนเดินตามลายแทงไปเรื่อยๆ ต้องเบียด แทรก มุด มุง เสาะแสวงหาเข้าไปในตรอกซอยซอกหลืบ จนกว่าจะเจอขุมทรัพย์ ทั้งสนุก ตื่นเต้น ไม่เหมือนตลาดแห่งอื่นแน่นอน
พอกันที! ความไร้ระเบียบ
พื้นที่ย่านคลองถม เขตพลับพลาไชย เป็นอีกจุดหนึ่งของกรุงเทพฯที่ถูกร้องเรียนจากประชาชนว่าสร้างความเดือดร้อนรำคาญมาช้านาน
ไล่ตั้งแต่ถนนหลวง ถนนวรจักร ถนนเจริญกรุง ถนนเสือป่า ถนนพลับพลาไชย ถนนมหาจักร ถนนยมราชสุขุม ถนนศรีธรรมราช และถนนเจ้าคำรพ รวม 9 ถนน มีผู้ค้ามากกว่า 2 พันราย ทั้งในส่วนที่เป็นร้านค้าในตึกแถวและหาบเร่แผงลอยบนทางเท้า ปัญหานานัปการจึงตามมาอย่างชุลมุลวุ่นวาย
“เพื่อนผมคนหนึ่งมีบ้านอยู่บริเวณนั้น เสาร์-อาทิตย์นี่ไม่ต้องพูดถึง รถจอดหน้าบ้านตัวเองแท้ๆ โดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ไม่ไปก็ไม่ได้ ไม่งั้นสีถลอกแบบจับมือใครดมไม่ได้ ที่จอดรถก็มีปัญหาโดนขโมยยางอะไหล่ทุกเสาร์อาทิตย์ บางคนโดนโจรขึ้นบ้าน 3-4 ครั้ง โดนฉกวิทยุไปจากห้อง จากคนที่ผ่านไปผ่านมาชุลมุนกันอยู่หน้าบ้าน พอไหวตัวก็หายไปกับฝูงชนแล้ว ขยะมูลฝอยเหม็นเน่า แมลงสาบเดินกันเพลิดเพลิน รถพยาบาลจะลำเลียงคนเข้า-ออกจากโรงพยาบาลกลางก็รอกันไป จนคนไข้หน้าเขียวหน้าเหลืองกว่าจะผ่าเข้ามาได้”ประชาชนผู้เดือดร้อนรายหนึ่งกล่าวอย่างไม่พอใจ
เจ๊พร ชาวบ้านย่านคลองถม บอกว่า ทุกคืนวันเสาร์ต้องใช้คำว่า “มั่ว”กันเละเทะ
“กลุ่มพ่อค้าที่มีตึกแถวตัวเองขายตอนกลางวันนั่นไม่เท่าไหร่ เขาดูแลพื้นที่ของเขาเรียบร้อย ที่เป็นปัญหาส่วนใหญ่คือพ่อค้าที่ปูเสื่อแบกะดินขายตามรอบนอกๆมากกว่า บางคนไม่มีมารยาท ไม่ดูแลพื้นที่ตัวเอง คิดจะถุยน้ำลายตรงไหนก็ถุย ขยะก็ไม่เคยเก็บเอามากองสุมๆไว้หน้าบ้าน บางครั้งได้กลิ่นฉี่เหม็นคลุ้งไปหมด พูดตรงๆนะชาวบ้านเขาไม่มีความสุขมานานแล้ว ขอคืนความสุขสักทีเถอะ”
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยว่า แนวทางการจัดระเบียบพื้นที่ตลาดคลองถม จะห้ามไม่ให้ผู้ค้าหาบเร่ตั้งวางแผงค้าบนทางเท้าตลอดทั้งวัน ขณะที่ร้านค้าในตึกแถว อาคารพาณิชย์ จะต้องไม่มีการต่อเติมร้านค้าล้ำเข้ามาในบริเวณทางเท้าอย่างเด็ดขาด ล่าสุดได้เตรียมพื้นที่รองรับผู้ค้าย่านคลองถมไว้แล้ว ประกอบด้วย ตลาดสายใต้เก่า ตลาดสนามหลวง 2 ตลาดจตุจักร 2 เป็นต้น
มุมมองของพ่อค้าตลาดมืดคลองถมอย่างโชคชัย มองว่า หากย้ายไปพื้นที่ใหม่ บรรดาพ่อค้าแม่ค้ามีสิทธิ์เจ๊งสูง เนื่องจากต้องหาทำเลใหม่ เสี่ยงต่อการเสียลูกค้าประจำไป เพราะหาไม่เจอ หรืออาจไม่ตามไปซื้อ เพราะเดินทางไปมาลำบาก
“ร้านที่เคยอยู่รวมกัน แบบว่าไปที่เดียวจบ ต่อไปคงกระจัดกระจาย ไม่สามารถรวมกันเป็นกลุ่มก้อนได้เหมือนเดิม ที่สำคัญ บรรยากาศการซื้อขายแบบตลาดมืดคลองถมจะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว”
ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของตลาดมือคลองถม ตลาดขายของเก่าและของมือสองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความทรงจำ ย่อมส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อวิถีชีวิตของผู้เกี่ยวข้องทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านในพื้นที่ พ่อค้าแม่ค้า และนักท่องเที่ยวอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ไม่นานเกินรอ
ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,ไร่รักษ์ไม้สวนศิริผล,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,สินค้าเกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต