จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
“พาณิชย์” เผยฮ่องกงทลายแหล่งผลิตปลอมแบรนด์ดังข้าวหอมมะลิไทยหลังตามจับกุมมาต่อ เนื่อง เผยพบใช้วิธีขนใส่รถบรรทุก ขายช่วงหัวค่ำ อ้างราคาถูกเพราะไม่มีค่าหัวคิว เตรียมแผนโปรโมตและแนะนำผู้บริโภครู้จักสังเกตก่อนซื้อ “อภิรดี” เตรียมฟื้นความร่วมมือค้าข้าวกับเพื่อนบ้านหลังแท้งมาหลายครั้ง หวังดันราคาข้าวในตลาดโลก และเลิกขายตัดราคากัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ศุลกากรฮ่องกงสามารถจับกุมแหล่งผลิตที่ทำการปลอมเครื่องหมายการค้าข้าว หอมมะลิจากไทย ยี่ห้อ Golden Phoenix ได้ ในเขต Yuen Long ไม่ห่างจากชายแดนจีนมากนัก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการตรวจจับข้าวหอมมะลิไทยปลอมเครื่องหมายการ ค้าของไทยที่ระบาดในเขตต่างๆ ของฮ่องกงได้อย่างต่อเนื่อง โดยการจับกุมครั้งนี้พบข้าวถุงแบรนด์ดังกล่าวผลิตไว้ถุงละ 25 กิโลกรัม (กก.) จำนวน 112 ถุง หรือประมาณ 2,800 กก. และยังจับกุมผู้กระทำผิดได้ 3 คน
ทั้งนี้ ผู้กระทำผิดรับสารภาพว่า ได้ดำเนินการปลอมบรรจุภัณฑ์และจำหน่ายข้าวแบรนด์ดังกล่าวไปแล้วกว่า 1,600 ถุง หรือประมาณ 40 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 500,000 เหรียญฮ่องกง โดยใช้วิธีการจูงใจในด้านราคา ซึ่งปกติข้าวดังกล่าวหากขายในซูเปอร์มาร์เกตจะมีราคา 360 เหรียญฮ่องกงต่อถุง แต่ของปลอมติดราคาไว้ที่ 310 เหรียญฮ่องกง แต่ขายจริงเพียง 160 เหรียญฮ่องกงเท่านั้น โดยใช้วิธีการขนใส่รถบรรทุกไปจอดตามแหล่งชุมชนในช่วงหัวค่ำ และอ้างว่าข้าวราคาถูกเพราะไม่ต้องขายผ่านซูเปอร์มาร์เกต ไม่มีค่าหัวคิว และยังช่วยขนข้าวไปไว้ที่พักด้วย เมื่อขายหมดก็จะเวียนไปที่อื่นต่อไป
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำอีก สำนักงานฯ จะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับศุลกากรไทยในฮ่องกง และศุลกากรฮ่องกง ในการติดตามข่าวสารและตรวจจับ รวมทั้งจะเพิ่มการประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิไทยและการสังเกตข้าวคุณภาพข้าว หอมมะลิไทยให้แก่ผู้บริโภคในฮ่องกงให้มากยิ่งขึ้น ผ่านกิจกรรมส่งเสริมข้าวและอาหารไทย
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงฯ มีแผนที่จะหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามในการฟื้นความร่วม มือด้านการค้าข้าวโลก หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกได้เคยทำข้อตกลงความร่วมมือกันไว้แล้ว แต่ได้ชะลอการหารือด้านนี้มานาน เบื้องต้นไทยต้องการร่วมกันเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและการ บริหารจัดการด้านการตลาดเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในตลาดโลก และลดการแข่งขันกันขายตัดราคาเพื่อแย่งตลาดกันเอง
“ไทยจะหารือกับประเทศอาเซียนอื่นๆ อีก เช่น กัมพูชา พม่า และลาว คาดว่าจะเริ่มเจรจาได้ต้นปีหน้า ซึ่งหากร่วมมือกันอย่างจริงจังเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวใน ประเทศต่างๆ อย่างมาก” นางอภิรดีกล่าว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ภาคเอกชนไทยกับเอกชนของเวียดนามได้มีความร่วมมือในการประมูลข้าวในบางตลาด เพื่อป้องกันไม่ให้ตัดราคากันเอง ซึ่งได้ผลในบางตลาด เช่น ฟิลิปปินส์ที่แต่ละปีจะเปิดประมูลซื้อข้าวหลายแสนตัน ซึ่งอาจจะมีการแบ่งกัน 50% ต่อ 50% หรือ 40% ต่อ 60% เป็นต้น แต่บางตลาดยังมีการแข่งขันกันรุนแรงเหมือนเดิม
“แม้รัฐจะมีความร่วมมือเรื่องการค้าข้าวโลก แต่ในด้านการแข่งขันด้านตลาดคงช่วยอะไรได้ไม่มาก เพราะต้นปีหน้าข้าวของเวียดนามจะออกมาเยอะ และเวียดนามจำเป็นต้องเร่งระบายเพราะไม่มีโกดังเก็บข้าวมากเหมือนไทย ประกอบกับดอกเบี้ยเงินก็มีอัตราที่สูง จึงจำเป็นต้องเร่งหาเงินเพื่อจ่ายหนี้ และที่สำคัญการลักลอบนำเข้าข้าวผ่านชายแดนจีนเริ่มทำได้ลำบากเพราะจีนเข้ม งวด ซึ่งในแต่ละปีเวียดนามลักลอบขายข้าวผ่านชายแดนจีนปีละ 2-3 ล้านตัน ส่งผลให้ราคาข้าวของเวียดนามปรับลดลงต่ำกว่าไทย”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์มีความพยายามมาโดยตลอดในการร่วมมือด้านการค้าข้าว กับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในเอเชีย ที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายสำคัญของโลก ทั้งเวียดนาม อินเดีย ปากีสถาน รวมถึงกัมพูชา ลาว และพม่า เพื่อร่วมกันทำตลาดข้าวในตลาดโลก โดยเน้นการไม่ตัดราคาขาย เพื่อสร้างเสถียรภาพราคาข้าวของทุกประเทศในตลาดโลก รวมถึงยังจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านต่างๆ ระหว่างกัน แต่ความร่วมมือดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ เพราะแต่ละประเทศไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร และสุดท้ายก็ยังขายข้าวตัดราคากันเองจนถึงทุกวันนี้
สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวขาว 5% ขณะข้าวไทยกลับมามีราคาสูงที่สุดในบรรดาข้าวชนิดเดียวกันจากประเทศอื่นๆ หลังจากก่อนหน้านี้ที่ไทยมีปัญหาปริมาณสต๊อกข้าวมากจนกดดันให้ราคาข้าวไทยลด ลง ประกอบกับเวียดนามขายข้าวในราคาต่ำมากเพื่อแข่งขันกับไทย โดยล่าสุดราคาข้าวไทยตันละ 420 เหรียญสหรัฐ อินเดียตันละ 400 เหรียญสหรัฐ เวียดนามตันละ 390 เหรียญสหรัฐ และปากีสถานตันละ 385 เหรียญสหรัฐ
ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,ไร่รักษ์ไม้สวนศิริผล,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,สินค้าเกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต