จาก โพสต์ทูเดย์
ปศุสัตว์เตือนประชาชนงดบริโภคเนื้อโค-กระบือดิบช่วงนี้ หลังพบโรคระบาดคอบวมรุนแรงสัตว์ป่วยตายหลายจังหวัด
เมื่อวันที่ 9 พ.ย.นายอยุทธ์ หรินทรานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวระหว่างลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และควบคุมโรคเฮโมรายิกเซฟติซีเมีย หรือโรคคอบวมในโค-กระบือ พร้อมด้วยผอ.สำนักควบคุมป้องกันโรคและบำบัดโรคสัตว์ เขต 6 และผอ. สำนักกองการสารวัตรและกักกัน เข้าร่วมตรวจในพื้นที่และฉีดวัคซีนให้แก่สัตว์เลี้ยงของเกษตรกรอ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ว่า โรคระบาดดังกล่าวมาจากโค-กระบือลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ในขณะนี้สถานการณ์สัตว์ป่วยตายในพื้นที่หลายจังหวัดตลอดแนวชายแดน เกิดโรคระบาดเพิ่มมากขึ้นเพราะเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูปลายฝนต้นหนาว ทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อโรคคอบวมกระจายไปเร็ว ส่งผลให้เกษตรกรประสบปัญหาเดือดร้อนจากสัตว์เลี้ยงป่วยตายจำนวนมาก เช่น จ.อุทัยธานี ตาก และ กาญจนบุรี ซึ่งได้สั่งการเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์และด่านตรวจกักสัตว์ เร่งหาทางป้องกันยับยั้งโรคโดยด่วน และป้องกันการลักลอบนำเข้าตลอดแนวชายแดน รวมทั้งเพิ่มมาตรการป้องกันโรคปากเท้าเปื่อยอีกด้วย
ขณะนี้มีสัตว์ป่วย 250 ตัว เป็นโคเนื้อ 183 ตัว กระบือ 67 ตัว และตาย 32 ตัว เป็นโคเนื้อ 17 ตัว กระบือ 15 ตัว ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดโรคนี้ระบาด ขอให้เกษตรกรที่มีสัตว์เลี้ยงและประชาชนงดซื้อ เนื้อโค-กระบือดิบ มาบริโภค เนื่องจากอาจทำให้โรคแพร่กระจายสู่สัตว์ของตนเองอย่างรวดเร็วได้ เพราะเกษตรกรอาจทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
“ตอนนี้สถานการณ์ระบาดโรคคอบวมมีอาการรุนแรงขึ้นในพื้นที่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี เพราะเกษตรกรไม่เชื่อฟังเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ที่แนะนำให้กลบฝั่งดินทันทีเมื่อโค-กระบือ ล้มตายลงเพื่อสกัดโรค แต่กลับนำเนื้อโค-กระบือ ไปบริโภคและนำไปแจกให้ชาวบ้านด้วย เป็นสาเหตุให้เกิดการระบาดอย่างรวดเร็ว”นายอยุทธ์ กล่าว
นายอยุทธ์ กล่าวว่าสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ระดมฉีดวัคซีนป้องโรคในโค-กระบือที่ยังไม่ติดเชื้อและเข้า ควบคุมโรคในวงจำกัด รวมทั้งวางแผนป้องกันเนื่องจากโรคคอบวม เป็นโรคพิเศษ เมื่อติดเชื้อแล้ว ต้องใช้ยาปฏิชีวนะเท่านั้น อย่างไรก็ตามในเดือนนี้เป็นรอยต่อของอากาศเปลี่ยนแปลงทำให้โรคควบคุมยาก
“ประชาชนควรงดรับประทานเนื้อโค-กระบือดิบในช่วงนี้ หรือสังเกตว่ามีจุดเลือดออกในเนื้อไม่ควรซื้อ เพราะโค-กระบือที่ตายจะมีลักษณะอาการรุนแรงมาก แม้จะไม่ติดต่อสู่คนก็ตาม ซึ่งโค-กระบือ ที่ติดโรคจะมากแพ้รุนแรงมากประมาณ4-5 ชม. ก็ล้มตายแล้ว ซึ่งวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือฉีดวัคซีนป้องกันโรคล่วงหน้า แต่ในการสอบสวนโรคพบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ได้ฉีดวัคซีนขอให้ประชาชนงดกินเนื้อไปก่อนจนกว่าสถานการณ์โรคจะดีขึ้น”นายอยุทธ์ กล่าว
ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,ไร่รักษ์ไม้สวนศิริผล,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,สินค้าเกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต
