จากประชาชาติธุรกิจ
ก่อนรัชสมัยในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาพการรับประทานอาหารของชาวไทยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นใดก็ตาม เป็นการนั่งล้อมวง มีสำรับกลางพร้อมด้วยช้อนจากเปลือกหอยหรือกะลาจัดวางไว้ อีกทั้งขันน้ำซึ่งใช้สำหรับล้างมือ วิธีการกินอาหารในยุคนั้นเรียกว่า "เปิบมือ"
จวบจนเมื่อมีการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาในชาติสยาม ธรรมเนียมการ "เปิบมือ" ก็เลือนลงไป ตราบจน "เรือนมัลลิการ์" ร้านอาหารไทยภายใต้การบริหารโดยบริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ฟู้ด จำกัด ที่คงไว้ซึ่งวิถีแห่งเอกลักษณ์การ "กินอย่างไทย อยู่อย่างไทย" ได้นำแนวคิดดังกล่าวมาเนรมิตมื้ออาหารให้เข้าถึงความเป็นไทยด้วยวัฒนธรรมการเปิบมือ
"เรือนมัลลิการ์เศรษฐี" เป็นเรือนไม้สักไทย อายุกว่า 200 ปี ในซอยสุขุมวิท 22 บรรยากาศวุ่นวายใจกลางกรุงได้ถูกลดทอนลง ด้วยความรื่นรมย์จากร่มไม้ขนาดใหญ่ พรรณไม้โบราณหลายชนิด ที่ถูกคงไว้ตามความตั้งใจของ อ.มัลลิการ์ หลีระพันธ์ ผู้ก่อตั้ง
นอกจากจะเนรมิตอาหารไทยเมนูใหม่ ๆ มาให้ชิมแล้ว ล่าสุดได้นำเอาวิถีการรับประทานแบบโบราณ ชวนคนย้อนยุคกลับไป "เปิบมือ" ที่เรือนมัลลิการ์ ทันทีที่นั่งลงจะมีกะลาใบย่อม ภายในบรรจุด้วยน้ำชาผสมมะนาว และขันน้ำลอยดอกไม้สด ถูกนำมาวางไว้ข้างตัว เพื่อให้ล้างมือจนสะอาด ก่อนที่จะลงมือเปิบ
สำหรับวิธีเปิบมือนั้นได้ "ปอนด์-ชยพล หลีระพันธ์" ทายาทคนโตของ อ.มัลลิการ์ หลีระพันธ์ ผู้เข้ามาดูแลธุรกิจของครอบครัว มีดีกรีเป็นเชฟมาแนะนำวิธีเปิบมือที่ถูกต้องว่า โดยทั่วไปต้องใช้นิ้ว 3 นิ้ว ประกอบด้วยนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้และนิ้วกลาง ตะล่อมข้าวและกับให้พอคำ ความท้าทายอยู่ที่ต้องไม่ให้เลอะเกินข้อแรกของนิ้วทั้ง 3 หากแต่ใครจะสะดวกทั้ง 5 นิ้ว ก็ถือว่าไม่ผิดกติกาเช่นกัน
นอกจากกลิ่นหอมและรสชาติแบบไทย ๆ ของอาหาร การจัดวางสำรับก็สวยงามชวนชมกับฝีมืออันประณีตงดงามจากผัก-ผลไม้ที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง จัดวางในเครื่องเรือนไทยอย่าง "ศิลาดล"
เริ่มกันที่อาหารจานแปลกตา เมนู "ฉันชื่อบุษบา" ปรุงจากดอกไม้ปลอดสารพิษนานาชนิด อาทิ ดอกลีลาวดี ดอกกุหลาบมอญ ดอกแค ฯลฯ ชุบแป้งทอดจนเหลืองกรอบ รับประทานพร้อมน้ำจิ้มรสเปรี้ยว หวาน เผ็ด
"ปีกไก่ยัดไส้" ที่เลาะเอากระดูกออกก่อนยัดไส้หมูสับปรุงรสนำไปทอดจนหอม หาทานได้ยาก "น้ำพริกไข่ปู" ที่เสิร์ฟพร้อมสารพันผัก ทั้งสด ทั้งลวก ทั้งทอด เรียกว่ายกมาทั้งสวนเลยทีเดียว
มาถึง "คั่วกลิ้ง" อาหารรสเผ็ดที่สุดของ "เรือนมัลลิการ์" ที่ร้อนแรงจากพริกและเครื่องเทศ คั่วแห้ง ๆ เคล้ากับกระดูกอ่อนกรุบ ๆ จะเปิบคู่กับข้าวสวย หรือข้าวเหนียวก็ไม่มีหยุดมือ
"แกงเขียวหวาน" ที่ไม่เหมือนร้านอื่น ๆ ด้วยรสชาติเข้มข้น ให้รสเผ็ดมากกว่ารสหวาน เข้าถึงคำว่าแกงเขียว (จากพริก) ที่โดดเด่นกว่าหวาน ตามแบบต้นตำรับจริง ๆ
นอกเหนือจากนี้ยังมีเมนูอาหารอีกหลากหลายให้ผู้ที่เข้ามาเปิบมือได้เลือกรับประทานด้วยตัวเอง ตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย ซุป แกงเผ็ด น้ำพริก ยำ เนื้อ ปลา/ทะเล ไข่ ผัก ผลไม้ ขนมหวาน
ปอนด์-ชยพลกล่าวถึงวิถีการเปิบมือแห่งเรือนมัลลิการ์ว่า คุณแม่นอกจากจะทำอาหารเก่งแล้ว ท่านยังศึกษาประวัติศาสตร์อาหารด้วย อย่างเรื่องวัฒนธรรมการเปิบมือ ท่านตั้งใจจะทำมาหลายปีแล้ว แต่มีอุปสรรคหลายอย่าง จนตอนนี้ทุกอย่างลงตัวแล้ว เมนู "เปิบมือ" จึงเกิดขึ้น
นอกจากรองรับคนไทยแล้ว ยังเปิดให้คนต่างชาติมาชิม โดยมีวิดีโอสาธิตให้ชมถึงสามภาษา ไทย-อังกฤษ-ญี่ปุ่น อย่างข้าวก็จะใช้ข้าวใหม่ ซึ่งมียางมาก ยามเปิบก็จะตะล่อมเป็นคำได้ง่าย ไม่หกเลอะเทอะ รวมถึงอุณหภูมิก็ต้องร้อนพออุ่น สามารถใช้มือจับได้
สูตรอาหารและรสชาติดั้งเดิม เป็นสิ่งที่เรือนมัลลิการ์เคร่งครัด ถ้าจานไหนต้องเผ็ดก็ต้องเผ็ด ใครทานเผ็ดไม่ได้ ก็จะแนะนำเป็นเมนูอื่นที่ไม่เผ็ดหรือเผ็ดน้อย ความตั้งใจของเราคืออยากให้ทุกคนได้รับความอร่อยอย่างแท้จริง
ในขณะเดียวกัน เราก็ยังใส่ใจในเรื่องวัตถุดิบ เรามีสวนพืชผักสวนครัวออร์แกนิก อย่างพริก ชะอม ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ปลูกมะม่วงอกร่องทอง มะพร้าวไว้ที่จังหวัดลพบุรีและจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อส่งเข้ามาใช้ในร้านอาหารเครือมัลลิการ์ อินเตอร์ฟู้ด
แน่ นอนว่า แนวคิดนี้ไม่ได้เปิดรับเฉพาะชาวต่างชาติ แต่ยังให้คนไทยที่อยากสรวลเสเฮฮาได้มาสนุกสนานอย่างเป็นกันเองกับเพื่อนสนิท ที่จะร่วมเปิบสำรับเดียวกันที่นี่ยังมีบริการชุดไทยให้เปลี่ยนถ่าย ภาพระหว่างเปิบมืออีกด้วย
สวนรักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต