สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

หนาว!ฝูงเหยี่ยวดำนับหมื่นบุกวัดโบสถ์

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

สัญญาณหนาวมาแล้ว! พบฝูงเหยี่ยวดำนับหมื่น อพยพเข้าวัดโบสถ์ปราจีนบุรี-ปากพลี นครนายก

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านพบ มีฝูงเหยี่ยวดำ อพยพหนีหนาวมาจากไซบีเรีย เข้ามาพักอาศัย หาอาหาร ขยายเผ่าพันธุ์ ณ บ้านสันทรีย์ ต.วัดโบสถ์ อ.เมืองปราจีนบุรี และเขตรอยต่อ 2 จังหวัดระหว่างปราจีนบุรีกับ จ.นครนายก พื้นที่หมู่ 6 ตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก พื้นที่กว่า 1,500 ไร่ ในพื้นที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติสวนสาธารณะเป็นจำนวนมาก จึงลงพื้นที่ พบนกเหยี่ยวดำเป็นจำนวนมาก กำลังบินล่อน เล่นลมอยู่บนท้องฟ้าเป็นจำนวน บางส่วนเกาะบนต้นยูคาลิปตัส บางส่วนกำลังหากินอาหารกินบริเวณหนองน้ำ ในบริเวณดังกล่าว จนทำให้พื้นที่ที่เป็นสีเขียวดำเป็นจุดๆ ด้วยนกเหยี่ยวดำ

นายสิทธิชัย อิ่มจิต รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ(อบต.) เปิดเผยว่า เท่าที่นักดูนกที่ได้เข้ามาดูก่อนหน้านี้ บอกว่านกเหยี่ยวดำเหล่านี้มาจากหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น จีน ธิเบต ไซบีเรีย รัสเซีย ฯลฯ เหยี่ยวดำเหล่านี้ได้อพยพมาหากินที่นี่เมื่อปี 2552 ช่วงเวลาต้นฤดูหนาว ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน และจะกลับเดือนมีนาคม หรือเลยถึงเมษายน

แต่สำหรับในปีนี้มาเร็วกว่าปกติ คือปีนี้เริ่มมาตั้งแต่เมือวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยจากการสังเกตและประมาณการจำนวนของเหยี่ยวดำเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมามีประมาณ 20,000 กว่าตัว สำหรับปีนี้ก็น่าจะมีมากกว่าทุกปี

ส่วนนกบางส่วนที่เดินทางมาจากไซบีเรีย นั้นทางเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์จากเขาใหญ่ได้ลงมาเอามูลนกทั้งหมดไปตรวจแล้ว ไม่มีการพบเชื้อใดๆและในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก จะมีการเปิดแหล่งชมนก ณ บริเวณนี้อย่างเป็นทางการ ”

เหตุที่นกเหยี่ยวดำ หรือนกอื่นๆ เดินทางมาที่นี้เป็นประจำทุกปีเนื่องด้วยสภาพแวดล้อมพื้นที่ป่าบริเวณสวนสาธารณะบ้านโคกสำโรง ตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก มีความอุดมสมบูรณ์ จากพื้นที่ทุ่งนาหลายหมื่นไร่ที่ผลิตข้าวและเกษตรกรรมอื่นๆ รวมถึงยังมีพื้นที่ติดกับปราจีนบุรี บ้านสันทรีย์ ต.วัดโบสถื อ.เมืองปราจีนบุรี แหล่งที่อยู่นกนานาชนิดเช่นกัน

ซึ่งบริเวณรอยต่อที่มีทุ่งนากว้างใหญ่เป็นแหล่งอาหาร เช่น หนู งู สัตว์ต่างๆ ที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับเหยี่ยว ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เหยี่ยวดำเลือกหนีหนาวมาอาศัยทุ่งนาแห่งนี้เพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องด้วยช่วงเดือนกันยายนภูมิอากาศทางตอนเหนือของโลก แถบประเทศรัสเซีย มองโกเลีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เริ่มมีหิมะและหนาวเย็น นกล่าเหยื่อทั้งหลาย ที่อาศัยอยู่แถบซีกโลกตอนเหนือ เริ่มขาดแคลนอาหาร นกเหล่านี้จึงต้องเดินทางลงมาทางซีกโลกใต้ ซึ่งมีอากาศอบอุ่น อาหารอุดมสมบูรณ์กว่า และนกล่าเหยื่อเหล่านี้ จะบินอพยพกลับเพื่อไปทำรังวางไข่อีกครั้งในราวเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม ของปีถัดไป

สำหรับนกเหยี่ยวดำ ในไทยพบได้ในป่าทางภาคเหนือ, ภาคกลางและภาคใต้ มีพฤติกรรมหากินในเวลากลางวัน ชอบบินอยู่ตามที่โล่งชายป่า ตามริมฝั่งทะเล หรือตามแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ เพื่อหาอาหาร เมื่อจับเหยื่อได้ก็มักกินบนพื้นดิน หรืออาจนำไปกินบนต้นไม้ พบอยู่โดดเดี่ยว เป็นคู่หรือเป็นฝูง

เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ เหยี่ยวดำจะทำรังรวมกันเป็นกลุ่มบนต้นไม้สูง ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะช่วยกันสร้างรังด้วยกิ่งไม้เล็ก ๆ นำมาขัดสานกัน จากนั้นทั้งคู่จะช่วยกันกกไข่และเลี้ยงลูกอ่อน นกจะใช้เวลากกไข่นานประมาณ 29-32 วัน ออกไข่ครั้งละ 2-4 ฟอง ปกติ 3 ฟอง และยังเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 อีกด้วย


สวนรักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags : หนาว!ฝูงเหยี่ยวดำนับหมื่นบุกวัดโบสถ์

view