จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัท Future Group
ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียเชิญให้ไปร่วมพิธีเปิด India Food Park ที่เมืองตุมกูร์ใกล้ๆ กับเมืองบังกาลอร์ ในรัฐกรณาฏกะ โดยมีนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งในเชิงสัญลักษณ์แล้วก็ต้องถือว่าผู้นำประเทศให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมากเลยทีเดียว
India Food Park เป็นโครงการของกลุ่มบริษัท Future Group ถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นที่กว่า 110 เอเคอร์ (ประมาณ 275 ไร่) ใกล้กับเมืองบังกาลอร์ด้วยเงินลงทุนมูลค่า 2,000 ล้านรูปีในระยะแรกและจะลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 8,000 ล้านรูปีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าโดยเงินลงทุนเหล่านี้จะนำไปใช้ในการตั้งโรงงานผลิตแป้งสาลีโรงสีข้าวโรงงานผลิตเส้นพาสตาโรงงานผลิตเครื่องเทศและโรงงานผลิตเบเกอรี่ เพื่อผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์สินค้าของตนเอง ซึ่งในขณะนี้มีอยู่ทั้งหมด 8 แบรนด์ด้วยกันคือ Tasty Treat, Premium Harvest, Fresh & Pure, John Miller, Clean Mate, Care Mate, Ektaa และ Sach และนอกจากนั้น ยังพร้อมที่จะรองรับการลงทุนจากบริษัททั้งของอินเดียเองและจากต่างประเทศที่จะเข้าไปตั้งโรงงานแปรรูปอาหารในพื้นที่โครงการดังกล่าวอีกด้วย
แรงจูงใจสำคัญที่ทำให้กลุ่มบริษัท Future Group สนใจเข้ามาทำโครงการนี้ซึ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหารเป็นหลักก็เพราะอินเดียเป็นประเทศผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ที่สุดอันดับที่สองของโลกรองจากจีน และมีศักยภาพที่จะแซงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้ถ้าหากมีการบริหารจัดการที่ดี เพราะปัจจุบันอาหารที่เป็นพืชผลการเกษตรของอินเดียจะเสียหายไประหว่างทางตั้งแต่หลังการเก็บเกี่ยวไปจนถึงร้านค้าปลีกประมาณ 40% ในแต่ละปีเลยทีเดียว เนื่องจากอินเดียยังขาดโครงสร้างพื้นฐานหลังการเก็บเกี่ยว ขาดแคลนโรงงานแปรรูปพืชผลการเกษตร ขาดแคลนคลังสินค้าโดยเฉพาะห้องเย็น แต่ที่สำคัญคือ การเก็บเกี่ยวพืชผลการเกษตรของอินเดียยังใช้แรงงานมนุษย์เป็นหลักและยังใช้วิธีการเก็บเกี่ยวแบบดั้งเดิมที่ทำให้พืชผลเสียหายอยู่ในอัตราสูง นอกจากนั้น ผลิตผลการเกษตรของอินเดียยังถูกนำไปแปรรูปในอัตราส่วนที่ต่ำมากเพียง 7% ของปริมาณที่ผลิตได้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักและผลไม้สดของอินเดียจะถูกนำไปแปรรูปเพียง 2% เท่านั้น ส่วนน้ำนมจากสัตว์จะอยู่ในสถานะที่ดีกว่าคือ ถูกนำไปแปรรูปประมาณ 35% ถ้าอยากจะทราบว่าผลิตผลการเกษตรของอินเดียถูกนำไปแปรรูปน้อยขนาดไหนก็ต้องไปเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยสหรัฐอเมริกามีการแปรรูปผลิตผลการเกษตรสูงถึง 48% จีน 36% และแม้แต่ประเทศไทยก็ยังมีการแปรรูปผลิตผลการเกษตรสูงถึง 30%
กลุ่มบริษัท Future Group ได้เล็งเห็นถึงโอกาสอันนี้จึงได้ริเริ่มจัดตั้ง India Food Park ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมให้มีการแปรรูปอาหารมากขึ้นด้วยการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บนพื้นที่ประมาณ 275 ไร่ดังกล่าว โดยทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างเกษตรกรและบริษัทแปรรูปอาหารด้วยการช่วยในเรื่องของการจัดหาวัตถุดิบที่เป็นพืชผลการเกษตรจากเกษตรกรในรัศมี 300-400 กิโลเมตรจาก India Food Park ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท Future Group มีโครงการที่จะจัดตั้ง India Food Park เพิ่มขึ้นอีก 2 แห่งในรัฐเบงกอลตะวันตกและรัฐมัธยประเทศ
แต่สำหรับกลุ่มบริษัท Future Group แล้ว India Food Park จะเปรียบเสมือนกับห้องครัวสำหรับธุรกิจอาหารของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนในการขนส่งถูกลง 13-15% โดยจะมีสายการผลิตแบ่งเป็นสองสายการผลิตด้วยกันคือสายการผลิตสำหรับอาหารเปียกเช่นผักผลไม้และสายการผลิตสำหรับอาหารแห้ง เช่น ข้าวข้าวสาลีฯลฯรวมไปถึงห้องเย็นทั้งนี้ ผู้บริหารของกลุ่มบริษัท Future Group เล็งเห็นว่า India Food Park จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Future Group เป็นบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารรายใหญ่ที่สุดในกลุ่มอาหารแปรรูปประเภทน้ำผลไม้อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทานช็อกโกแลตพาสต้า ฯลฯ ซึ่งต่างจากบริษัทคู่แข่งขันรายอื่นๆ ที่ผลิตอาหารเพียงไม่กี่ประเภท โดยธุรกิจอาหารแปรรูปนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้สำหรับกลุ่มบริษัท Future Group ได้ถึงกว่า 2 แสนล้านรูปีในปี 2020
อย่างไรก็ตาม โครงการ India Food Park เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของภาคเอกชนอินเดียบริษัทเดียวที่มองเห็นถึงศักยภาพด้านอาหารของอินเดียว่าจะสามารถพัฒนาไปได้อีกมากเพื่อจะรองรับตลาดขนาดมหึมาในประเทศอินเดียเองและถ้าบริหารจัดการดีๆ ก็จะมีอาหารเหลือส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก ทั้งนี้ จากสถิติของกระทรวงอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของอินเดียพบว่า อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของอินเดียมีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วน 1.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDPและมีการจ้างงานถึง 13 ล้านคนทั่วประเทศ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อมที่ผลิตอาหารแปรรูปที่มีมูลค่าเพิ่มไม่มากนัก แต่ก็ดูถูกไม่ได้ เพราะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวเฉลี่ยของอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของอินเดียอยู่ในระดับประมาณ 8.5%ต่อปีในขณะที่จำนวนโรงงานแปรรูปอาหารเพิ่มขึ้นในอัตรา 11%ต่อปี
ปัจจุบัน ตลาดอาหารของอินเดียมีมูลค่ารวม 13.96 ล้านล้านรูปี และคาดว่าจะขยายตัวต่อไปอีกจนถึงระดับ 17.96 ล้านล้านรูปีในปี 2016 ในขณะที่ตลาดอาหารแปรรูปของอินเดียมีมูลค่าประมาณ 6.85 ล้านล้านรูปีหรือคิดเป็นสัดส่วน 49% ของตลาดอาหารของอินเดียทั้งหมด โดยมีสินค้าอาหารเพียง 25% เท่านั้นที่จัดจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่
ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของอินเดียจะสามารถแบ่งสินค้าอาหารแปรรูปออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มที่ถูกแปรรูปแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อนมาก เช่น ข้าว ข้าวสาลี น้ำตาล เครื่องเทศ เป็นต้น กับอีกกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มที่ถูกแปรรูปแบบเพิ่มมูลค่าด้วยกระบวนการแปรรูปที่ซับซ้อน เช่น ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ผลิตภัณฑ์นม น้ำผึ้ง อาหารพร้อมรับประทาน อาหารพร้อมปรุง เป็นต้น แต่ปรากฏว่าอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารในกลุ่มแรกมีสัดส่วนมากถึง 66% ในขณะที่ในกลุ่มที่สองที่เป็นกลุ่มที่ถูกแปรรูปแบบเพิ่มมูลค่ายังมีสัดส่วนน้อยอยู่ แต่ว่าอัตราการขยายตัวเฉลี่ยอยู่ในระดับสูงประมาณ 10% ต่อปี โดยสินค้าที่มีการขยายตัวสูงมากได้แก่ ผลิตภัณฑ์นม อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารพร้อมรับประทาน อาหารอินทรีย์ (Organic Food) น้ำผลไม้ และอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่เรียกว่า Convenience Food
โดยสรุปแล้ว อินเดียเป็นประเทศที่ผลิตอาหารได้มากเป็นอันดับสองของโลกรองจากจีน แต่อาหารที่เป็นพืชผลการเกษตรยังถูกนำไปแปรรูปน้อยมาก แถมยังเสียหายระหว่างทางไปอีกเกือบครึ่ง การที่ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของอินเดียอย่างกลุ่มบริษัท Future Group มาเริ่มดำเนินโครงการ India Food Park แสดงว่าศักยภาพของตลาดอาหารแปรรูปในอินเดียมีอยู่สูงมาก จนบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านค้าปลีกอย่าง Future Group ยังอดใจไม่ได้ที่จะต้องใช้กลยุทธ์ถอยกลับมาสู่การผลิตอาหารแปรรูปเสียเองแบบครบวงจร ซึ่งน่าจะเป็นแนวคิดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดอาหารแปรรูปของอินเดียในปัจจุบันซึ่งกำลังขยายตัวอย่างมาก
ส่วนผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกอาหารแปรรูปมายังประเทศอินเดียในขณะนี้และกำลังประสบกับปัญหามาตรการกีดกันทางการค้าของอินเดียที่ค่อยๆ ปล่อยออกมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่เรื่องการตรวจตัวอย่างสินค้า เรื่องฉลากสินค้าจนมาถึงเรื่องห้ามมีส่วนผสมของผงชูรสในอาหารจนทำให้ทั้งผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าอินเดียต้องนั่งกุมขมับอยู่ในขณะนี้ ผมคิดว่าการเข้ามาลงทุนผลิตสินค้าอาหารแปรรูปในอินเดียโดยเฉพาะใน Food Park ซึ่งรัฐบาลอินเดียกำลังจะอนุมัติให้เปิดเพิ่มอีก 17 แห่ง นอกเหนือจาก India Food Park ของกลุ่มบริษัท Future Group น่าจะเป็นทางออกอีกทางหนึ่งที่จะทำให้สินค้าอาหารแปรรูปของไทยเข้าตลาดอินเดียได้มากขึ้นเพราะศักยภาพของตลาดและโอกาสในตลาดมากมายน่าเสียดายเหลือเกิน
ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต