จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
บก.จร.เตือนประชาชน ห้ามเปิดไฟตัดหมอกพร่ำเพรื่อมีความผิด โทษปรับไม่เกิน500 บาท
ศูนย์ควบคุมสั่งการจราจร กองบังคับการตำรวจจาจร รายงานผลปฏิบัติการกวดขันจับกุมมาตรการล็อคจริงจับจริงทั่วกรุง และมาตรการ5จริงจับจริง5จอม ของตำรวจจราจร สน. ต่างๆผ่านทางเฟสบุ๊คส์ บก.02ศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน มีผลการจับกุมผู้ขับขี่กระทำผิดกฎหมายจราจรจำนวนมาก เฉลี่ยโดยรวมพื้นที่ 88 สน.วันละ 100ราย ส่วนใหญ่มีความผิดในข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด จอดรถกีดขวางการจราจรเจ้าหน้าที่ทำการล็อคล้อทุกรายไม่ละเว้น ข้อหาเมาแล้วขับ และแข่งรถในทางสาธารณะเป็นต้น
และนอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ยังดำเนินการจับกุมดำเนินคดีความผิดจราจร แล้วยังมีการแจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีอาญาเพิ่มเติมกับผู้ขับขี่ ข้อหาลักทรัพย์ที่ล็อคล้อของตำรวจจราจรด้วย เหตุเกิดในพื้นที่ สน.วัดพระไกร เมื่อวันที่ 10ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีการจับกุม นายวริทธิ์นันท์ จันทร์เสนา อายุ 40 ปีภูมิลำเนา จ.แพร่ ดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์โทษปรับ 3,000 บาท จำคุก 1 ปี รอลงอาญา เนื่องจากการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการ โดยนายวริทธิ์นันท์ ขับรถจอดในลักษณะกีดขวางการจราจร และจอดในที่ห้ามจอด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการล็อคล้อ กลับทำการเปลี่ยนยางอะไหล่ แล้วนำล้อที่ล็อคพร้อมอุปกรณ์ล็อคล้อของเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่ท้ายรถ แล้วขับออกไป กระทั่งมีการสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาได้ในที่สุด เจ้าตัวให้การรับสารภาพแต่โดยดี ขณะที่ผู้ขับขี่เมาแล้วขับ ยังมีให้เห็นบนท้องถนนอยู่ทุกคืนมีผลการจับกุมในทุกจุดที่ตั้งด่านกองบังคับการตำรวจนครบาล1-9 ครอบคลุมทั่วพื้นที่ กทม.ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนว่า การตรวจจับผู้ขับขี่เมาแล้วขับมีการตั้งจุดตรวจทุกวันทุกคืนต่อเนื่องเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนบนท้องถนนในสังคม
นอกจากนี้ กองบังคับการตำรวจจราจร ยังขอแจ้งเตือนประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน กรณีการใช้ไฟตัดหมอกว่า ตามกฎหมายอนุญาตเปิดได้ในกรณีที่มีหมอกหนาเท่านั้น หรือกรณีทัศนวิสัยไม่ดี หากเปิดพร่ำเพรื่อมีความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร จะจับปรับในทันทีอัตราโทษปรับไม่เกิน500 บาท รวมถึงการใช้ไฟส่องสว่างที่ไม่ได้เป็นไฟเดิมๆ ที่ติดมากับตัวรถติดมาจากโรงงานเป็นไฟที่ปรับแต่งขึ้น ให้มีความสว่างจ้ามากกว่าปกติ หรือปรับแต่งทิศทางส่องสว่างของไฟให้สูงขึ้นจากเดิม ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งมีการร้องเรียนเข้ามามายที่หมายเลขสายตรง 1197 ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกันเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมอย่างจริงจังเด็ดขาดตามความผิดตามกฎหมายตามประกาศกรมการขนส่งทางบก ปี 2555 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2000 บาทซึ่งตำรวจจะกวดขันจับกุมต่อเนื่องเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงกลางคืน
ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต