สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เอฟเอโอ ชี้อีก10ปีนิยมกินไก่แทนหมู

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

สศก. เผยรายงาน"เอฟเอโอ-โออีซีดี" แนวโน้มการบริโภคเนื้อสัตว์อีก 10 ปี ข้างหน้าลดลง ระบุนิยมบริโถคเนื้อไก่แทนหมู

นายคนิต ลิขิตวิทยาวุฒิ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่าจากการรายงานขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) และองค์การเพื่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ถึงแนวโน้มการเกษตรระหว่างปี 2557-2566 ระบุว่าปริมาณการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์จะขยายตัวในอัตราลดลงกว่าที่ผ่านมา

ขณะที่อาหารประเภทธัญพืชยังคงมีแนวโน้มปริมาณการบริโภคคงที่ ภายในปี 2566 ราคาธัญพืชจะปรับตัวลดลง ขณะที่ราคาน้ำตาล ผลิตภัณฑ์จากนมและปลาจะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดการณ์ว่าราคาเนื้อวัวจะมีราคาสูงขึ้น และสัตว์ปีกจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากของโลกแทนเนื้อสุกร

เอฟเอโอ และโออีซีดี ระบุว่าผลผลิตทางการเกษตรในประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ในเอเชียและละตินอเมริกา จะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 75% ในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยอินเดียจะก้าวเป็นผู้ผลิตนมรายใหญ่ที่สุดของโลกแทนสหภาพยุโรปหรืออียู

ทั้งนี้เอฟเอโอและโออีซีดี ที่มีสำนักงานในปารีส ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากประเทศร่ำรวยสุดของโลก จับตาตลาดอาหารโลกอย่างใกล้ชิด เป็นส่วนหนึ่ง ของความพยายามต่อสู้กับความหิวโหย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอินเดียยังเป็นประเทศที่ขาดความมั่นคงทางอาหาร เนื่องจากอินเดียมีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่วนหนึ่งมาจากการที่เกษตรกรปลูกพืชพลังงานและปลูกพืชทางเลือก สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูงกว่าพืชอาหารทั่วๆ ไป ทำให้การผลิตพืชอาหารยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศ

“จากรายงานดังกล่าวถือว่าเป็นโอกาสของไทย โดยเฉพาะภาคปศุสัตว์ ปัจจุบันไทยมีการพัฒนาอุตสาหกรรมไปมาก เนื้อไก่ของไทยก็เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก ในอนาคตเนื้อไก่จะได้รับความนิยมแทนสุกร ถือว่าไทยมีการพัฒนาที่ถูกทางแล้ว เพียงแต่ภาครับและเอกชน จะต้องร่วมมือเพื่อผลักดันขยายการส่งออกให้มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะตลาดใหม่ เช่นตะวันออกกลาง เกาหลีที่อยู่ระหว่างการเจรจาเปิดตลาดไก่สด" นายคนิต กล่าว

นายคนิต กล่าวว่าจากการรายงานของเอฟเอโอ แสดงให้เห็นว่าในอนาคตความต้องการอาหารเพื่อสุขภาพจะขยายตัวมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายด้านการเกษตรของไทย ที่สนับสนุนให้ผลิตสินค้าปลอดภัย สินค้าอินทรีย์ การเจาะตลาดกลุ่มนี้ยังมีส่วนให้ สินค้ามีมูลค่าสูงขึ้น ดังนั้นไทยจึงมีความพร้อมในทุกด้านที่จะรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ

สำหรับสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์นม แม้ไทยจะมีกำลังการผลิตน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอียู และยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ยังต้องนำเข้านมผงจำนวนมาก แม้บางช่วงสถานการณ์นมจะล้นตลาด แต่เป็นผลมาจากที่โรงเรียนปิดเทอม การบริโภคจึงลดลง อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้พบว่าไทยมีการส่งออกแม่โคมากขึ้น เนื่องจากเวียดนามมีการขยายอุตสาหกรรมนม และมีแนวโน้มจะพัฒนาไปได้เร็ว

ดังนั้นอุตสาหกรรมนมของไทยจะต้องปรับเปลี่ยนจากเดิมที่พึ่งตลาดนมโรงเรียนเป็นส่วนใหญ่ ต้องหันมาทำการตลาดเจาะกลุ่มผู้บริโภคอื่น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันมีอัตราการบริโภคนมต่อคนต่อปี น้อยมาก จึงเป็นโอกาสของไทยที่จะส่งผลิตภัณฑ์เข้าไปตลาดเหล่านี้ได้ก่อนเวียดนาม เพราะเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว อย่างพม่าที่ขอความร่วมมือกับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) ถือว่าเป็นก้าวที่ดีมากที่จะหาพันธมิตรเพื่อการตลาดอาเซียน

ส่วนอินเดีย ที่แม้จะมีโอกาสผลิตนมได้มากและจะเข้าแทนทีอียู นั้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมนมของไทย เนื่องจากอินเดียมีประชากรมาก อาหารต่างๆ จะผลิตเพื่อใช้ในประเทศเป็นหลัก ดังนั้นความต้องการบริโภคสินค้ายังมีอยู่มาก เพียงแต่ผู้ประกอบการของไทยจะต้องเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อในทุกๆ สินค้า


ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags : เอฟเอโอ ชี้อีก10ปีนิยมกินไก่แทนหมู

view