จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
จาก สถิติการให้บริการของศูนย์พึ่งได้ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า การกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในปี 2556 มีจำนวนผู้หญิงที่ถูกกระทำความรุนแรง 31,866 ราย เฉลี่ยวันละ 87 ราย หรือทุกๆ 15 นาที จะมีผู้หญิงถูกทำร้าย 1 คน ซึ่งจากสถิติที่กล่าวมานี้นับว่าเป็นตัวเลขที่สูงจนน่ากลัวทีเดียว
|
|
ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะผู้หญิงถือเป็นเพศที่อ่อนแอในเรื่องของสรีระ และพละกำลัง ดังนั้น จึงกลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย โดยภัยที่ผู้หญิงพบเจออยู่เป็นประจำ ได้แก่ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ข่มขืนกระทำชำเรา กระทำทำอนาจาร ทำร้ายร่างกาย จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้หญิงทุกคนควรจะต้องรู้จักการระมัดระวังป้องกันตนเอง ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวได้ทุกเมื่อ ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงไม่นำตัวเองเข้าไปในสถานการณ์ที่เสี่ยงโดยลำพัง เช่น ออกไปไหนมาไหนในช่วงเวลามืดค่ำดึกดื่น ซึ่งตามถนนหนทางไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่อยู่ในที่พักแล้ว ดังนั้น จึงเป็นเวลาที่พวกมิจฉาชีพออกมาซุ่มหาเหยื่อหรือก่ออาชญากรรมประเภทต่างๆ เพราะง่ายต่อการกระทำที่จะไม่มีใครมาช่วยเหลือเหยื่อ จึงสามารถก่อเหตุสำเร็จได้ค่อนข้างมาก
2. แต่งกายไม่ล่อแหลม หรือไม่ล่อตาล่อใจให้เกิดความรู้สึกในทางเพศ ถือเป็นการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยได้ในเบื้องต้น เพราะการที่หญิงสาวบางคนชอบแต่งกายรัดรูปจนเห็นสัดส่วนอย่างเด่นชัด หรือสวมใส่ชุดกระโปรงกางเกงที่สั้นกุด วับๆ แวมๆ บ้าง โชว์เนื้อหนังบ้าง อาจทำให้ไปกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของคนที่ไม่ดี ซึ่งเป็นการนำไปสู่การก่ออาชญากรรมทางเพศได้
3. เรียนรู้วิธีป้องกันตัวเอง ในยุคสมัยนี้เป็นเรื่องจำเป็นไปเสียแล้วสำหรับผู้หญิงทุกคนที่ต้องเรียนรู้ การป้องกันตนเองด้วยวิธีต่างๆ โดยสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องเรียนรู้และเตรียมตัวไว้ตลอด ได้แก่
- ฝึกศิลปะการป้องกันตัวขั้นพื้นฐาน เช่น มวยไทย ยูโด อย่างถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่มีคนร้ายเข้ามากอดทางด้านหน้า ให้ใช้แขนที่ถนัดโดยใช้สันมือกระแทกใต้คางและใช้เข่ากระแทกบริเวณเป้ากางเกง ของคนร้าย หรือเมื่อคนร้ายเข้ามากอดทางด้านหลัง ให้ใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่ท้องหรือลิ้นปี่ของคนร้าย พร้อมทั้งกระทืบเท้าแรงๆลงบนหลังเท้าของคนร้าย
- พกอุปกรณ์ป้องกันตัวชนิดที่เป็นประโยชน์ในการขอความช่วยเหลือได้ เช่น
ไฟฉาย ในกรณีที่จำเป็นต้องเดินทางไปในที่เปลี่ยวและมืด ควรใช้ไฟฉายช่วยส่องนำทาง เพราะแสงสว่างจากไฟฉายจะทำให้คนร้ายก่อเหตุได้ยากขึ้น
นกหวีด หรืออุปกรณ์ที่สร้างให้เกิดเสียงดัง เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเหลือผู้หญิงที่ตกอยู่ในอันตรายมามากต่อมากแล้ว โดยเมื่อต้องติดอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังจะถูกคุกคาม ให้เป่านกหวีดหรือเปิดเสียงทันที เสียงจากนกหวีด และเสียงที่เราเปิดขึ้นมาให้ ดังนั้น นอกจากจะทำให้พลเมืองดี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยินและรู้ว่ามีเหตุ ภยันตรายอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แล้วจะได้รีบมาช่วยเหลือแล้ว ยังทำให้คนร้ายตกใจจนอาจรีบหนีไปได้ด้วย ดังนั้น ผู้หญิงทุกคนควรพกนกหวีดหรืออุปกรณ์ทำให้เกิดเสียงดังติดตัวไว้ตลอด โดยใส่ไว้ในกระเป๋าที่หยิบได้ง่าย หรือถ้าไม่ได้ลำบากอะไรมากจนเกินไปนัก ระหว่างต้องอยู่โดยลำพังคนเดียวก็เอาคล้องคอไว้เลยก็ได้
4. แจ้งให้ครอบครัวหรือคนรู้จักรู้ตำแหน่งที่อยู่ของเรา เราควรใส่ใจที่จะสละเวลาเล็กน้อยในการโทรแจ้ง หรือส่งข้อความให้ครอบครัวหรือเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน กำลังจะไปที่ไหน ไปกับใคร เวลาใด เพื่อว่าหากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจะได้สามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ เราควรใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่จำเป็น เช่น ก่อนออกไปไหนให้ชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือให้เต็มไว้ตลอดเผื่อมีเรื่องฉุกเฉิน ต้องติดต่อ เก็บบันทึกเบอร์โทรศัพท์สายด่วนไว้ในโทรศัพท์มือถือ เช่น สถานีตำรวจ หน่วยกู้ชีพกู้ภัย ตรวจสอบเส้นทางสัญจรให้พร้อมก่อนออกเดินทาง เพื่อจะได้ไม่หลงทางไปในที่ที่เราไม่รู้จัก
ภัยของผู้หญิงที่เกิดจากคน ร้าย มิจฉาชีพ และคนโรคจิตเป็นสิ่งที่เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยผู้เขียนอยากจะย้ำเตือนผู้หญิงทุกๆ ท่าน ว่า ควรระมัดระวังตนเองที่จะไม่ไปอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงเพียงคนเดียว เช่น ในที่เปลี่ยว ในช่วงเวลาดึกดื่น หรือโพล้เพล้ อีกทั้งจะไปไหนหรือทำอะไรก็ตามขอให้มีสติอยู่เสมอ เพราะสติจะช่วยให้เราสามารถมีไหวพริบแก้ปัญหาและป้องกันตัวเองให้รอดพ้นจาก ภัยอันตรายได้ในที่สุด
ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต