จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โรงสี เจพีอินเตอร์ไรซ์ บุก“พาณิชย์” กังขาซื้อข้าวหอมมะลิสต็อกรัฐราคาสูงสุด แต่ไม่ได้รับอนุมัติ
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วานนี้(18 ส.ค.) เจ้าของโรงสีเจพีอินเตอร์ไรซ์ 1998 ซึ่งเป็นเอกชนที่เข้าร่วมประมูลข้าวสต็อกรัฐบาล 1.67 แสนตัน เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยได้เสนอซื้อข้าวสารหอมมะลิในคลังโรงสีนำชัย จังหวัดสุรินทร์ ปริมาณ 1,826 ตัน ในราคาสูงสุดถึงตันละ 2.87 หมื่นบาท แต่เมื่อประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูล กลับไม่ได้รับการอนุมัติให้ขาย จึงได้เดินทางมายังกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอพบนางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ สอบถามความชัดเจนกรณีที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังการเข้าพบอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ทางเจ้าของโรงสีเจพีอินเตอร์ไรซ์ ระบุว่า ทางกรมฯได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่ยังไม่สามารถอนุมัติขายข้าวจำนวนดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นข้าวเสื่อมสภาพ ไม่ผ่านมาตรฐาน สาเหตุที่นำข้าวในคลังดังกล่าวออกมาประมูล เพราะผลตัวอย่างการตรวจสอบคุณภาพข้าวเบื้องต้นออกมาล่าช้า แต่เมื่อผลออกมาหลังจากวันประมูล และได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาแล้ว จึงชะลอการขายข้าวในคลังดังกล่าวได้ก่อน
พร้อมกันนี้ ทางกรมฯจะนำเรื่องร้องเรียนดังกล่าว เสนอต่อนบข.ว่าจะอนุมัติขายให้กับโรงสีเจพีอินเตอร์ไรซ์ 1998 หรือไม่ โดยจะให้คำตอบในสัปดาห์หน้า แต่ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่ากระทรวงพาณิชย์ควรจะอนุมัติขาย เพราะแม้เป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ แต่เมื่อขายได้ราคาสูง และเอกชนที่ซื้อไปจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบหลังการซื้อข้าวรัฐไปแล้ว เท่ากับภาครัฐไม่เสียหายจากการขายข้าวครั้งนี้ แต่เอกชนที่ได้ข้าวจะมีความเสี่ยงในการซื้อข้าวล็อตดังกล่าวแทน
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่โรงสีเจพีอินเตอร์ไรซ์ 1998 เข้ามาร้องเรียนว่าไม่ได้รับการอนุมัติขายข้าวหอมมะลิ แม้ให้ราคาสูงนั้น เนื่องจากกรมฯได้รับผลการตรวจข้าวบางชนิดจากห้องปฏิบัติการตรวจสอบ พบว่ามีข้าวบางคลังคุณภาพข้าวไม่ได้มาตรฐาน จึงต้องตัดปริมาณในส่วนที่ไม่ได้มาตรฐานออกไปก่อน แม้จะเสนอซื้อมาในราคาที่สูงก็ตาม เบื้องต้นได้มีการชี้แจงรายละเอียดดังกล่าวต่อโรงสีไปแล้ว
สำหรับผลการตัดสินการขายข้าวในคลังนี้ จะต้องพิจารณาเป็นรายกรณี โดยกรณีนี้จะมีการนำเข้าไปหารือกับนบข. และผู้เชี่ยวชาญพิจารณาอีกครั้ง ว่าจะมีการขายข้าวในกรณีดังกล่าวหรือไม่
“ก่อนการประมูลผลตรวจจากคลังครั้งแรกเป็นข้าวที่ผ่านมาตรฐาน แต่ก็มีข้าวบางชนิดที่ต้องมีการตรวจให้ละเอียดเป็นพิเศษอีกครั้ง ผลตรวจข้าวดังกล่าวมาล่าช้ากว่าการประมูลเล็กน้อย พบว่าข้าวที่มีปัญหาบางส่วน ดังนั้นจะต้องนำกรณีดังกล่าวมาพิจารณาให้ละเอียดก่อนจะให้คำตอบว่าจะขายข้าวส่วนนี้หรือไม่”นางดวงพร กล่าว
ส่วนการเปิดประมูลข้าวในครั้งต่อไปจะพยายามเปิดให้ได้เร็วที่สุด แต่จะต้องมีการตรวจสอบ ปรับปรุงรายละเอียดบางอย่าง เพื่อให้การประมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังจากการประมูลครั้งที่ผ่านมาติดขัดในหลายๆ ขั้นตอน โดยยังคงเน้นกระบวนการที่โปร่งใสและคำนึงถึงสถานการณ์การค้าข้าวทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นสำคัญ
ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต