จากประชาชาติธุรกิจ
สัญญา ขายข้าวให้คอฟโก้ 2 แสนตันลงตัว จีนยอมแก้เทอมการส่งมอบ รอราคาขายข้าวต่ำกว่าเวียดนาม 10 เหรียญ เอกชนแบ่งเค้ก ปรับตามสูตร G+P ชดเชยส่วนเหลื่อมราคาด้วยข้าวเก่า
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ พร้อมคณะภาคเอกชนได้เข้าพบ มาดามหยางหง ตัวแทนบริษัทคอฟโก้ รัฐวิสาหกิจจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวในนามตัวแทนรัฐบาลจีน ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนโดยการเข้าพบครั้งนี้ คณะผู้แทนฝ่ายไทยได้เจรจาขายข้าวลอตที่ 2 ให้กับคอฟโก้ ประกอบไปด้วย ปลายข้าวขาว (เก่า) 100,000 ตัน ส่งมอบเดือนสิงหาคม 2557 กับข้าวขาว 5% ปริมาณ 100,000 ตัน ส่งมอบเดือนกันยายน 2557 ภายใต้กรอบสัญญาเดิมที่รัฐบาลทั้งสองประเทศตกลงกันไว้ 1 ล้านตัน ซึ่งมีการส่งมอบไปในสมัยอดีตรัฐบาลยิ่งลักษณ์เพียง 100,000 ตันเท่านั้น
ผล การเจรจาปรากฏ ฝ่ายไทยได้รับข้อเสนอในการขายข้าวที่ดีขึ้นจากสัญญาการขายข้าวลอตแรก เนื่องจากคอฟโก้ยอมให้มีการปรับแก้เงื่อนไขการส่งมอบ ที่กำหนดให้ตรวจรับรองคุณภาพที่ท่าเรือของไทย จากเงื่อนไขเดิมที่กำหนดให้ไปตรวจสอบขั้นสุดท้ายปลายทางที่จีน ซึ่งเป็นเงื่อนไขตามสัญญาเดิมที่อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ) ลงนามสัญญาไว้ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2557 ก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะยึดอำนาจการปกครอง
"ใน สัญญาขายข้าวฉบับใหม่ได้ระบุรายชื่อ บริษัทผู้ส่งออกข้าวไทย จำนวน 7-8 ราย เป็นผู้ส่งมอบข้าว G to G ลอตใหม่นี้ ซึ่งทางคอฟโก้ก็ยอมรับตามเงื่อนไขต้องเป็นสมาชิกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และเคยมีประวัติการส่งออกข้าวไปจีนย้อนหลัง 3 ปี ในจำนวนนี้มี 4 รายเดิมที่เคยส่งมอบข้าวลอตแรกให้คอฟโก้ ได้แก่ บริษัทนครหลวงค้าข้าว, บริษัทเอเซีย โกลเด้น ไรซ์, บริษัทข้าวไชยพร, บริษัทพงษ์ลาภ"
ขายต่ำกว่าเวียดนาม 10 เหรียญ
ส่วน การเจรจาราคาขายข้าวลอตใหม่นี้ คณะผู้แทนฝ่ายไทยจะต้องทำราคาเสนอไปให้คอฟโก้พิจารณาอีกครั้งเพื่อให้จีนต่อ รอง โดยจะเป็นราคาส่งออก FOB ไม่ใช่ราคาเอ็กซ์แวร์เฮาส์หน้าโกดังอย่างที่เคยทำในสมัยอดีตรัฐบาลยิ่ง ลักษณ์ ซึ่งกำลังถูก ป.ป.ช.สอบทุจริตในการระบายข้าวอยู่ อย่างไรก็ตาม ราคาใหม่อาจต่อรองได้สูงขึ้นจากเดิม "แต่ไม่มากนัก" เพราะเป็นไปตามราคาตลาดส่งออกที่ปรับสูงขึ้นจากช่วงสัญญาที่ตกลงกันก่อนหน้า นี้ที่ราคาตลาดลดลง อีกประการคือสัญญานี้เป็นสัญญาระหว่างประเทศ แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) ขนาดใหญ่ การเปลี่ยนแปลงราคาที่ตกลงไปแล้วอาจจะทำไม่ได้มากนัก
"ราคาข้าวที่ จะเสนอขายจีน ทางเอกชนที่ไปด้วยเสนอว่า ควรให้ยึดราคาส่งออกของเวียดนามเป็นราคาฐาน แล้วลดลงขั้นต่ำตันละ 10 เหรียญสหรัฐ เช่น ราคาเวียดนาม 460 เหรียญสหรัฐ ก็ลดลง 10 เหรียญ เพื่อดึงตลาดจีนกลับมาก่อน หากเสนอราคาสูงกว่านี้อาจมีปัญหาขายไม่ได้ เพราะรัฐบาลจีนจะต้องนำข้าวจำนวนนี้ไปขายให้ตลาด ซึ่งจะต้องไปแข่งขันกับราคานำเข้าข้าวเวียดนาม ที่มีการขนแบบกองทัพมดจากบริเวณชายแดนที่มีราคาต่ำกว่าตันละ 750-800 หยวน เพราะข้าวกองทัพมดไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า 1% ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 13% และค่าธรรมเนียมโควตาอีกตันละ 400-500 หยวน" ตัวแทนภาคเอกชนกล่าว
8 รายใช้ G+P แบ่งเค้ก
แหล่ง ข่าวในวงการค้าข้าวเปิดเผยว่า การส่งมอบข้าวให้กับคอฟโก้ ได้มีความตกลงกันระหว่างผู้ส่งออกกับกรมการค้าต่างประเทศ จะใช้วิธีรัฐร่วมกับองค์กรภาคเอกชน (Government+Private Agency หรือ Public Enterprise : G+P) ส่งมอบ ซึ่งสมาคมผู้ส่งออกข้าวได้ร่วมกันกำหนดเงื่อนไขการปรับปรุงข้าวเพื่อส่งมอบ คอฟโก้แล้ว แต่ยังไม่ได้กำหนดราคาอ้างอิงจากราคาตลาดและราคาประมูลที่จะนำไปใช้แทนค่า
ทั้ง นี้ 1)ค่าปรับปรุง ประกอบด้วย ค่าขนส่ง ค่าระบบสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ค่าแรง คิดเป็น 3-4% ของราคาข้าว และดอกเบี้ยกรณีผู้ส่งออกจะต้องสำรองเงินในการซื้อข้าวใหม่ไปส่งมอบก่อน ระหว่างกระบวนการรอข้าวเก่าประมาณ 2-3 เดือน คิดรวมทั้งหมดเฉลี่ยประมาณตันละ 2,700 บาท นำไปหักลบจากราคาข้าวรัฐบาล เช่น หากสต๊อกข้าวขาวคิดราคาเฉลี่ยตันละ 10,000 บาท ถ้าเอกชนซื้อข้าวใหม่ 1 ตันมาปรับปรุง ควรได้ข้าวสารเก่าเป็นค่าปรับปรุง 270 กก. ถ้าปรับปรุงส่งออกจีน 1 แสนตัน จะต้องใช้ข้าวเป็นค่าปรับปรุง 27,000 ตัน เป็นต้น 2)ค่าส่วนเหลื่อมหรือค่าความแตกต่างระหว่างข้าวใหม่และข้าวเก่า (Price Different) กล่าวคือ มูลค่าข้าวใหม่ที่นำไปส่งมอบจะมีความแตกต่างจากข้าวเก่า ซึ่งเอกชนควรได้รับชดเชยส่วนเหลื่อมดังกล่าว แต่จะประเมินด้วยการนำราคาตลาดข้าวเฉลี่ยของกรมการค้าภายใน 2-4 สัปดาห์ มาคำนวณราคาเฉลี่ยในเดือนนั้น ๆ เช่น หากราคาตลาดเฉลี่ย กก.ละ 13 บาท หักจากราคาข้าวที่รัฐบาลประมูลขาย กก.ละ 11.5 บาท เท่ากับส่วนเหลือ กก.ละ 1.50 บาท หรือตันละ 1,500 บาท
สุดท้ายให้นำเอาค่าปรับปรุงบวกกับค่า ส่วนเหลื่อมและมาเทียบเพื่อคิดปริมาณข้าวสารเก่าที่รัฐบาลต้องจ่ายมาให้ เอกชนแต่ละราย ซึ่งทางสมาคมผู้ส่งออกข้าวเสนอสูตรนี้ต่ออธิบดีกรมการค้าต่างประเทศแล้ว ขึ้นอยู่กับว่ากรมจะพิจารณาอย่างไร โดยอาจต้องเสนอทาง นบข.พิจารณาก่อน"จริง ๆ ตั้งใจจะใช้ราคาประมูลในวันที่ 7 สิงหาคม เป็นพื้นฐานในการคำนวณร่วม แต่การประมูลยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน หากจะเริ่มใหม่คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ส่วนจะใช้ราคาปลายข้าวของ 2 รายที่ประมูลได้ก็ต่ำเกินไป และยังเป็นชนิดปลายหอมปทุมธานี ปลายหอมมะลิ ไม่ใช่ปลายข้าวขาวที่จีนจะซื้อ"อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้ส่งออกข้าวเห็นควรว่าจะต้องแบ่งกันไปช่วยปรับปรุงข้าว เพื่อให้ทันกำหนดการส่งมอบให้จีน แล้วจึงมาคำนวณค่าใช้จ่ายภายหลัง เพราะหากช้าไทยจะเสียโอกาสในการขายข้าว อาจส่งมอบให้จีนไม่ทัน เพราะในขั้นตอนการส่งมอบไทยยังมีปัญหาขาดแรงงานและตู้คอนเทนเนอร์ ถ้ายิ่งช้าอาจจะมีผลให้ข้าวฤดูกาลใหม่จะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนกันยายนถึง พฤศจิกายน 2557 ที่จะออกมาอีก 8 ล้านตันมาชนกับสต๊อกอีก 18 ล้าน ถ้าช้าจะยิ่งทำให้ราคาข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ลดลง
ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต