จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"นริศ" ปชป.ข้องใจคสช.ออก ประกาศพ.ร.บ.ว่าด้วยป่าไม้ แต่ไม่เพิ่มโทษจำคุก ย้ำจนท.เอี่ยวนายทุน
นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีต ส.ส.พัทลุง และอดีตประธานคณะกรรมาการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้มีชาวบ้านเข้ามาร้องเรียนอันเนื่องจากเกิดผลกระทบจากคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) ฉบับที่160/2557 ที่แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ว่าด้วยป่าไม้ ว่า ชาวบ้านเกิดความหวั่นเกรงว่า จะได้รับการเดือดร้อนเพราะคำสั่งดังกล่าว ให้เพิ่มชนิดไม้สกุลพะยูงอีก 16 ชนิดหรือ16 ชื่อเรียก นอกเหนือจากไม้สักและไม้ยางให้การครอบครองแม้ต่ำกว่า0.2 ลบ.เมตร ก็ถือเป็นความผิด จึงขอให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบตามคำสั่งนี้ ได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย โดยให้มีการจดแจ้งขึ้นทะเบียนไม้ที่ครอบครองโดยชอบมาก่อนโดยเร็ว
นายนริศ กล่าวว่า ตน ในฐานะอดีตส.ส. และอดีตประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่า การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ต้องทำควบคู่กันไป ทั้งการป้องกันปราบปรามที่เด็ดขาด และการรณรงค์ปลูกป่าทั้งพื้นที่ของเอกชน และพื้นที่ป่าอย่างกว้างขวาง และการดำเนินการทุกอย่างต้อง ไม่ไปรอนสิทธิกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ ประกาศของ คสช. ดังกล่าวนี้ อาจทำให้การป้องกันปราบปราบการบุกรุกทำลายไม้สกุลพะยูงได้ผลมากขึ้น เพราะได้เพิ่มโทษปรับขึ้นประมาณ 10 เท่ากับผู้กระทำผิด จากโทษเดิม
นายนริศ กล่าวว่า ตนแปลกใจว่าทำไมไม่เพิ่มโทษจำคุกขึ้นด้วย แต่การปลูกป่าโดยประชาชนและเอกชน จะมีปัญหาพอสมควรเพราะประชาชนที่ปลูกไม้ ในพื้นที่เอกสารสิทธิของตนเอง แต่เมื่อจะตัดไปใช้ประโยชน์ต้องไปจดทะเบียนตาม พ.ร.บ. สวนป่า ซึ่งเพิ่มความยุ่งยากมากขึ้น และจะไม่มีคนสนใจปลูกไม้ชนิดนี้อีกต่อไป เพราะเหตุคำสั่งดังกล่าวนี้ทำให้ไม้ชนิดดังกล่าวไม่ได้เป็นส่วนควบของที่ดินอีกต่อไป
“การลักลอบตัดไม้พะยูง จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ถ้าไม่เกิดจากการสมคบหาผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ เจ้าหน้าศุลกากร และมีการตรวจตราการเคลื่อนย้ายที่เข้มข้น ตลอดจนต้องมีการเปิดเจรจากับประเทศ ที่สั่งไม้เข้าและประทศที่อนุญาตให้ไม้ผ่านทาง เช่น จีน เวียดนาม ลาว และกัมพูชา ถือเป็นอีกช่องทางที่สำคัญ อีกช่องทางหนึ่งในการอนุรักษ์ไม้ชนิดนี้ไว้นายนริศ” กล่าว
ไร่รักษ์ไม้,สวนศิริผล,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต