จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
สารพัดมวลชนต้อนรับ ครม.สัญจรเมืองช้าง อดีตสหายน้อยใจ “ยิ่งลักษณ์” เมินรับกระเช้า-ช่อดอกไม้ ระดมพลบุกประชิดหน้าตึกประชุม ครม. ก่อนมีปากเสียง รปภ.รุนแรงหวิดชุลมุน ด้าน “เฉลิม” แตกฟอง ไล่ม็อบราษีไศลกลับบ้าน ลั่น ครม.เคาะแล้ว 30 วันได้เงินชดเชยชัวร์ ม็อบบ่นกลับ ทำไมไม่ให้พูดบ้าง
วันนี้ (30 ก.ค.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์จะเริ่มขึ้น ได้มีกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ราว 1,000 คน นำโดยนายละเอียด รัตนศรี และนายสว่าง วงกระโซ่ ได้เดินทางมาดักพบเพื่อยื่นหนังสือแสดงความขอบคุณ ต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งมอบกระเช้าดอกไม้และช่อดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจแก่นายกฯ แต่กลุ่มดังกล่าวต้องผิดหวังเนื่องจากนายกฯ แวะทักทายมวลชนที่มาต้อนรับหลายกลุ่ม โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน เนื่องจากต้องเป็นประธานในการประชุม ครม. ทำให้กลุ่ม ผรท.เกิดความไม่พอใจที่นายกฯ ไม่มารับมอบสิ่งของด้วยตัวเอง ส่งผลให้แกนนำกลุ่มดังกล่าวพร้อมด้วยสมาชิกจำนวนหนึ่งตัดสินใจเดินจากลาน สนามหญ้าหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ มุ่งหน้าตรงมายังบริเวณหน้าอาคารล้านนาของมหาวิทยาลัยดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ประชุม ครม.เพื่อขอพบและมอบหนังสือที่เตรียมมาให้กับนายกฯ โดยตรง แต่ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่อนุญาต จึงมีปากเสียงกัน และเกิดความโกลาหลขึ้นเล็กน้อย
ต่อมา พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงเป็นตัวแทนออกมาระงับเหตุการณ์และรับหนังสือพร้อมทั้งดอกไม้ดังกล่าวจาก ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมทั้งทำการพูดคุยเพื่อเจรจาเกลี้ยกล่อมให้กลุ่มผู้ชุมนุมยอมถอยกลับไป ยังสนามหญ้าเช่นเดิมเพื่อความเรียบร้อย ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยินยอม ก่อนกล่าวขอบคุณพร้อมทั้งตะโกนโห่ร้องเพื่อเป็นกำลังใจให้นายกฯ ในภายหลังอีกด้วย
ทั้งนี้ ใจความสำคัญของหนังสือดังกล่าวนั้น มีเนื้อหาเพื่อขอบคุณนายกฯ ที่ทำการลงนามในคำสั่ง 157/2555 ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากคำสั่งที่ 66/23 ในสมัยของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ ในการแต่งตั้งคณะกรรมการภาครัฐ ที่มีส่วนทำให้กลุ่ม ผรท.มีบทบาทในการบริหารและพัฒนาพื้นที่ของตัวเองใน 16 จังหวัดพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และที่สำคัญทำให้กลุ่มดังกล่าวหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ใน อดีตด้วย
ส่วนกลุ่มประชาชนที่มาชุมนุมอยู่บริเวณด้านในและด้านหน้ามหาวิทยาลัย ราชภัฏสุรินทร์ ซึ่งเป็นสถานที่การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนั้น มีทั้งกลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มพยาบาล กลุ่มผู้ค้าสลากกินแบ่งคนพิการ ที่มารอกันตั้งแต่ยังไม่เริ่มการประชุม จากนั้นเมื่อเวลา 11.00 น. บรรยากาศกลุ่มผู้ชุมนุมเกิดการโกลาหลขึ้น เมื่อกลุ่มผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่มาเรียกร้องให้เพิ่มโควตาสลากกินแบ่งฯ นั้นต้องการที่จะฟังคำตอบและพยามเดินออกจากที่ที่เจ้าหน้าที่เอาแผงเหล็กกัน ไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตะเวนชายแดนพยามดันกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้ออกมา แต่ก็มีผู้ชุมนุม 2 คนปีนออกมาทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจล็อคตัวทั้งสองคนออกไป
ขณะเดียวกัน กลุ่มเครือข่ายผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการผันน้ำขนาดใหญ่ โขง เลย ชี มูล ประกอบด้วยเขื่อนราษีไศล เขื่อนหัวนา เขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนพนมไพร เขื่อนธาตุน้อย เขื่อนหนองหานกุมภวาปี เขื่อนห้วยหลวง ได้มาชุมนุมอยู่บริเวณหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีให้จ่ายเงินชดเชยกรณีที่มีการสร้างเขื่อน เสร็จหรือให้ยุติการผลักดันการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่และการผันน้ำโขง เลย ชี มูลและโครงการอื่นๆ ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนมารับผิดชอบเรื่องนี้ ขอให้พี่น้องอย่าประท้วงเตรียมรับเงินชดเชยอย่าทำเรื่องเล็กใหญ่ วันนี้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล และชนะพรรคประชาธิปัตย์ได้ก็เพราะคนอีสานเลือกพรรคเพื่อไทย หากรัฐบาลไม่ช่วยคนอีสานแล้วจะช่วยใคร ตนยืนยัน 700 ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าจะได้รับเงินชดเชยแน่นอน แต่ต้องไปตรวจสภาพความเป็นจริงและมีการประเมินราคาว่ามีราคาเท่าไหร่ เพราะเงินที่ชดเชยไม่ใช่เงินของรัฐบาลแต่เป็นเงินภาษีของประชาชน รวมถึงระบบราชการที่ต้องมีหลักเกณฑ์ในการดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิมมีท่าทีที่ขึงขังตลอดเวลาการเจรจา ทั้งนี้เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามที่จะชี้แจง แต่ ร.ต.อ.เฉลิมก็ไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจง พร้อมกับกล่าวว่า ครม.มีมติแล้ว ไม่ฟังคำอธิบาย และขอให้กลับบ้าน ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็กล่าวว่า “ท่านพูดฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องให้พวกเราพูดบ้าง” แต่ ร.ต.อ.เฉลิมก็โต้ตอบทันทีว่าจะมีการดำเนินการเรื่องนี้ภายใน 30 วัน และกล่าวด้วยเสียงเข้มว่า “กลับไปได้แล้ว” พร้อมกับรับหนังสือจากกลุ่มราษีไศล และเดินไปขึ้นออกไปทันที จากนั้น จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ก็เข้ามาเจรจาแต่ผู้ชุมนุมก็ยังปักหลักอยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเช่นเดิม
รักษ์ไม้,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,มูลไส้เดือนดิน,การเลี้ยงไส้เดือน,ปุ๋ยอินทรีย์,ปุ๋ยชีวภาพ