สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กระทรวงเกษตรฯแนะชาวนา ได้ประโยชน์รอบด้านจากระบบปลูกข้าว - นานาสารพัน

จาก เดลินิวส์ออนไลน์

“การจัดระบบปลูกข้าว” คือ แนวทางการแก้ปัญหาการทำนาของชาวนาไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมให้ชาวนาเข้าสู่ระบบการ ปลูกข้าว

นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาการทำนาในปัจจุบันมีหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ชาวนาต้องประสบกับความเสี่ยงทั้งน้ำท่วมและภัยแล้ง รวมถึงโรคแมลงศัตรูข้าวระบาด โดยเฉพาะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่มีการแพร่ระบาดทำลายผลผลิตข้าวต่อเนื่องมาก ว่า 3 ปีแล้วยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้   ให้หมดไปได้ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปัญหา ต่าง ๆ มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเกิดจากการทำนาต่อเนื่องของชาวนา โดยไม่มีการพักนานั่นเอง ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ส่งเสริมให้ชาวนาเข้าสู่ระบบการปลูกข้าว ด้วยการปลูกข้าวปีละ 2 หน และพักนาหรือปลูกพืชหลังนาคั่น เนื่องจากพิสูจน์แล้วว่าเป็นแนวทางการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิด ประโยชน์สูงสุด

สำหรับประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการจัดระบบปลูกข้าวนั้น ประกอบด้วย อันดับแรกการบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยพื้นที่โครงการชลประทานจะร่วมกับชาวนาในพื้นที่ตัดสินใจเลือกช่วงเวลา ปลูกข้าวให้เหมาะสมซึ่งจะสามารถส่งน้ำให้ทำนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จก่อนช่วงฤดูน้ำหลาก มีการพักนาก็จะใช้พื้นที่แปลงนาไว้เป็นพื้นที่รับน้ำนองได้หากเกิดเหตุการณ์ น้ำท่วมอย่างเช่นในปีที่ผ่านมา ที่สำคัญคือการพักนาจะลดแหล่งอาหารและที่อยู่ของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ซึ่งเป็นการตัดวงจรศัตรูข้าวตัวร้ายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ประโยชน์ที่ได้ตามมาอีกด้านคือเมื่อมีการพักนาและปลูกพืชหลังนา หรือพืชปุ๋ยสดคั่นนั้นจะช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์แล้วยังมีรายได้เสริม จากการจำหน่ายพืชผลเหล่านั้นในขณะเว้นปลูกข้าวได้ด้วย เมื่อดินดีประโยชน์ข้อต่อมาคือช่วยลดต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะค่าปุ๋ยเคมีในการ ปลูกข้าวในรอบถัดไป สุดท้ายระบบนิเวศในนามีความสมดุล ซึ่ง ส่งผลดีต่อการปลูกข้าวของชาวนา

กระทรวงเกษตรฯ ได้เดินหน้าส่งเสริมให้ชาวนาเข้าสู่ระบบการปลูกข้าว โดยดำเนินการในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลาง 22 จังหวัด ซึ่งมีพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 9 ล้านไร่ ซึ่งในเบื้องต้นได้ดำเนินการนำร่องในพื้นที่โครงการชลประทาน 4.5 ล้านไร่ ปีนี้ดำเนินการได้ 1.5 ล้านไร่ และจะขยายผลให้ครอบคลุมพื้นที่ปลูกข้าวในภาคกลางและขยายผลสู่พื้นที่ปลูก ข้าวทั่วประเทศต่อไป 

นายชัยฤทธิ์ ดำรงเกียรติ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า การจัดระบบปลูกข้าวในแต่ละพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการนั้น จะมีการเปิดเวทีทำประชาคมเพื่อให้ชาวนามีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะเลือก ปลูกพืชหลังนาหรือพืชปุ๋ยสดชนิดใด กระทรวงเกษตรฯ จะสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชให้ชาวนาที่ร่วมโครงการ พร้อมกับฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้ด้านต่าง ๆ  ควบคู่กับจัดหาตลาดรับซื้อผลผลิตพืชหลังนาให้ด้วย ทั้งนี้ จากการส่งเสริมให้ชาวนาเข้าร่วมโครงการจัดระบบปลูกข้าวในช่วงที่ผ่านมานั้น มีชาวนาจำนวนมากให้ความสนใจโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะจังหวัดกำแพงเพชรมีชาวนาต้องการเข้าร่วมโครงการปลูกถั่วเขียวเป็น พืชหลังนารวมพื้นที่มากกว่า 4 แสนไร่ เนื่องจากประสบการณ์ที่ชาวนาได้ทดลองปลูกถั่วเขียวภายใต้โครงการระบบปลูก ข้าวในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เขาตระหนักดีว่าการพักนาและปลูกพืชหลังนาคั่นนั้นสามารถแก้ปัญหาใน การผลิตข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งน้ำท่วม ฝนแล้ง แมลงศัตรูข้าวระบาด ที่สำคัญเมื่อปลูกข้าวในรอบถัดไปผลผลิตข้าวเจริญงอกงามดีขึ้นขณะที่ต้นทุน การผลิตลดลง จึงทำให้ในปีนี้ชาวนามีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการปลูกพืชหลังนาเพิ่มขึ้น

จังหวัดกำแพงเพชรถือเป็นจังหวัดต้นแบบในการเข้าสู่ระบบการปลูกข้าวเพื่อ สร้างความมั่นคงและยั่งยืนในอาชีพของชาวนาไทย แต่ก็ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับชาวนาทั้งประเทศที่มีอยู่กว่า 3 ล้านครอบครัว ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ ยังคงมีภาระหนักในการเดินหน้าถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจให้ชาวนาตระหนักถึง ความจำเป็นที่การปลูกข้าวของประเทศไทยจะต้องเข้าสู่ระบบการปลูกข้าวใหม่สัก ที.


การเลี้ยงไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,ไส้เดือนดิน,รักษ์ดิน,ฮิวมิคพลัส,มูลไส้เดือนดิน,ปุ๋ยหมัก

Tags :

view