สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ผล มีศรี ปราชญ์เกษตรบ้านทุ่งติ้ว

จาก คมชัดลึกออนไลน์

'ผล มีศรี'ปราชญ์เกษตรบ้านทุ่งติ้ว พลิกชีวิตจับกังสู่'ครูยาง'ต้นแบบ โดย...สุรัตน์ อัตตะ

                        หลังประสบความสำเร็จในการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ "ผล มีศรี" วัย 56 ปี ปราชญ์เกษตรต้นแบบดีเด่นระดับชาติแห่งบ้านทุ่งติ้ว หมู่ 6 ต.ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา ที่วันนี้ไม่เพียงมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นเท่านั้น ยังนำความสำเร็จดังกล่าวไปขยายผลสู่ชุมชนอื่นทั่วประเทศอีกด้วย และยังการันตีด้วยรางวัลตำแหน่ง "ครูยาง" ดีเด่นระดับประเทศของ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ที่เดินสายสอนหลักสูตรการกรีดยางให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางมือใหม่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่เป็นผลอานิสงส์มาจากโครงการยาง 1 ล้านไร่ในพื้นที่ปลูกยางใหม่ ซึ่งกำลังจะเริ่มเปิดกรีดในไม่ช้านี้

                        ลุงผล เล่าว่าเริ่มปลูกยางมาตั้งแต่ปี 2546 หลังจากกู้เงินไป 7 หมื่นบาท เพื่อซื้อยางตาเขียวมาทดลองปลูก จนโดนเพื่อนบ้านกระแนะกระแหนว่าโดนปล้นกลางอากาศ แต่ไม่สนใจหากโดนปล้นจริงก็พร้อมจะขายที่ดินชดใช้คืน โดยคิดมาตลอดเวลาว่าวันนี้จะทำให้ท่านดู แต่วันหน้าจะต้องดูท่านทำ และคิดอยู่เสมอว่าปลูกไม้ผลจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปีละ1-2 ครั้ง แต่ปลูกยางเก็บได้ทุกวัน ปีหนึ่ง 365 วัน กรีดได้ 1,501-60 วันแล้วแต่ฝนฟ้าอากาศ โดยทุกวันนี้มีรายได้จากยางพาราวันละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท

                        "ผมประเมินได้เลยว่าผลผลิตมะม่วงและยางพาราใครดีกว่ากัน คิดง่ายๆ ยางพารามีรายได้ทุกวัน แต่มะม่วงให้ผลผลิตปีละครั้ง แล้วก็ไม่ตกงาน สร้างงานให้ครอบครัวไม่ต้องเดินทางไปหางานต่างจังหวัด นี่คือสิ่งประทับใจของผมในการปลูกยางพารา เป็นต้นไม้มหัศจรรย์เป็นต้นที่สร้างเงิน สร้างทอง สร้างงาน สร้างกิจกรรม ผมทำบัญชีต้นทุนไว้รู้ว่ารายได้จากยางพาราต่อต้นต่อเดือนต่อปีเป็นเท่าไหร่ มีคำตอบหมด มาถามผมได้เลย เพราะผมทำบัญชีต้นทุนเอาไว้ จดบันทึกไว้ตลอด ผมถูกคัดเลือกจาก สกย.ให้เป็นครูยางดีเด่นระดับชาติด้วย คือสิ่งที่ผมภูมิใจมากๆ"

                        ใครจะเชื่อว่าเกษตรกรวัย 56 ปีแห่งบ้านทุ่งติ้วคือคนเดียวกับชายที่เคยล้มเหลวด้านอาชีพ มีหนี้สินล้นพ้นตัว และจำใจต้องทิ้งแผ่นดินเกิดเพื่อไปขายแรงงานในต่างแดนเพื่อหาเงินกลับมาใช้หนี้ หลังขายแรงงานอยู่ในไต้หวันประมาณ 2 ปี เก็บหอมรอมริบได้เงินมาก้อนหนึ่งประมาณ 5 แสนบาท ก็นำมาใช้หนี้บางส่วน และส่วนหนึ่งก็นำมาลงทุนพลิกผืนดินที่รกร้างว่างเปล่าบนเนื้อที่กว่า 75 ไร่มาปลูกพืชผัก ไม้ผลและยางพารา พร้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

                         "แรกๆ จะปลูกได้ทำเป็นผักสวนครัว นาข้าว จากนั้นเป็นไม้ผล เช่นมะพร้าว ลำไย กล้วย และยางพารา พร้อมปลูกหญ้าแฝกล้อมรอบเพื่อสร้างความชุ่มชื้นแก่ดิน เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ ขุดบ่อเลี้ยงปลา มูลสัตว์ทำปุ๋ยชีวภาพและทำแก๊ส ปลูกข้าวโพดทำอาหารสัตว์ ทุกวันนี้เกือบจะไม่ต้องซื้อวัตถุดิบจากภายนอก ทุกอย่างมีพร้อมที่นี่ "ลุงผลย้อนอดีตให้ฟัง

                        ด้วยหลักการดำเนินชีวิตแบบ "ลดต้นทุน" ทำให้ลุงผลได้พัฒนาพื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งด้านพืช สัตว์ ประมง ปรับปรุงบำรุงดิน ทำบัญชีรายรับรายจ่ายในครัวเรือนและปัจจุบันได้เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ให้แก่ผู้สนใจ แม้เขาจะมุ่งมั่นกับอาชีพเกษตรกรรม แต่ก็ไม่ทำตามที่เกษตรกรส่วนใหญ่เลือกหรือปฏิบัติกัน นั่นคือการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว เพราะลุงผลเห็นว่าเส้นทางสายนี้ไม่อาจนำมาซึ่งความพออยู่พอกินอย่างยั่งยืนได้

                        จากนั้นจึงค่อยๆ ศึกษาเรียนรู้ศาสตร์และองค์ความรู้ต่างๆ ที่พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไว้ให้แก่คนไทยทั้งประเทศ ทั้งดิน น้ำ ป่า การจัดสรรพื้นที่ตามหลักทฤษฎีใหม่ เริ่มต้นทำจากเล็กไปหาใหญ่ ใช้เวลาเพียง 3 ปี ลุงผลก็สามารถพลิกฟื้นผืนดินเพียง 8 ไร่กลายเป็นแหล่งทำเงิน ก่อนขยายผลไปยังพื้นที่ใกล้เคียง

                        และวันที่ 8 มีนาคม 2555 ลุงผล มีศรี ปราชญ์เกษตรผู้มีผลงานโดดเด่นจะเข้ารับรางวัลจากการประกวดผลงานตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงประเภทประชาชนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร จัดโดยสำนักงาน กปร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หรือสนใจเยี่ยมชมศูนย์ฯ ที่บ้านทุ่งติ้ว ต.ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา โทร.08-7174-9928 ลุงผลยินดีให้คำแนะนำตลอดเวลา

.......................................
('ผล มีศรี'ปราชญ์เกษตรบ้านทุ่งติ้ว พลิกชีวิตจับกังสู่'ครูยาง'ต้นแบบ โดย...สุรัตน์ อัตตะ)


รักษ์ไม้,ไม้เก่าเขาใหญ่,ปุ๋ยอินทรีย์,มูลไส้เดือนดิน

Tags :

view