สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

มูลนิธิโครงการหลวง นำเสนอวิชาการ เน้นพืชอาหารเพื่อสุขภาพ

จาก เทคโนโลยีชาวบ้าน

ธงชัย พุ่มพวง

มูลนิธิโครงการหลวง นำเสนอวิชาการ เน้นพืชอาหารเพื่อสุขภาพ

มูลนิธิ โครงการหลวง มีบทบาทหนึ่งคือ การส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่รับผิดชอบมีอาชีพการเกษตรที่เหมาะสม มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยนำผลงานการศึกษาวิจัยจากสถานีวิจัยของโครงการหลวงที่มีอยู่ ได้แก่ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ สถานีวิจัยกาแฟแม่หลอด และที่สถานีเกษตรหลวงปางดะ เพื่อนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยภูเขาในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง 38 แห่ง มีเกษตรกรเครือข่าย ประมาณ 5,000 ราย สามารถผลิตพืชผัก ไม้ผลเมืองหนาว มากกว่า 200 ชนิด เกษตรกรบนพื้นที่สูงมีรายได้เพิ่มขึ้น คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

จากผลงานดังกล่าว เพื่อเป็นการเผยแพร่ผลงานให้เป็นที่รู้จักแก่บุคคลทั่วไป เป็นศูนย์การเรียนรู้แก่เยาวชน เกษตรกร และผู้สนใจที่ต้องการนำไปประกอบอาชีพการเกษตร มูลนิธิโครงการหลวงจึงได้จัดงาน "วันวิชาการโครงการหลวง" เป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะที่สถานีเกษตรหลวงปางดะ มีการศึกษาวิจัยแบบครบวงจร เป็นแหล่งเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตด้านต่างๆ เช่น ไม้ผลเมืองหนาว ไม้ดอกไม้ประดับ การปรับปรุงคุณภาพของดิน การขยายพันธุ์ไผ่ การอารักขาพืช พืชผักปลอดสารพิษ การประกวดไม้ดอกไม้ประดับ นิทรรศการทางวิชาการ โครงการป่าชาวบ้าน การพัฒนาที่ดิน มะเขือเทศสายพันธุ์ใหม่ ฯลฯ

นอก จากงานพืชผัก ไม้ผล และงานอื่นๆ ที่จัดแสดงและนำเสนอในงานดังกล่าวแล้ว ยังมีไม้ผลและพืชที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคต่อการเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ได้แก่ อะโวกาโด เป็นผลไม้ที่รู้จักกันทั่วโลก มูลนิธิโครงการหลวงได้นำสายพันธุ์มาจากนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย จำนวน 40 สายพันธุ์ คัดเลือกจนเหลือสายพันธุ์ที่ดีที่สุด จำนวน 8 สายพันธุ์ ปลูกมากที่สุดที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง เป็นไม้ผลที่ปลูกง่าย ผลดก เนื้อดี ไม่มีศัตรูพืชรบกวน จึงเป็นพืชที่ไม่ต้องใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ระยะเวลาเก็บเกี่ยวในเดือนมิถุนายน-กันยายน

ลักษณะพิเศษของอะโวกาโด คือ ถ้าไม่เก็บเกี่ยวสามารถปล่อยค้างไว้บนต้นได้โดยไม่สุก ทำให้ยืดระยะเวลาการเก็บเกี่ยวออกไปได้อีกประมาณ 3 เดือน ผลผลิตเฉลี่ย 30 ตัน ต่อปี ราคาทั่วไปกิโลกรัมละ 25-30 บาท อะโวกาโดถือว่าเป็น "สุดยอดอาหารสุขภาพ" อุดมไปด้วยแร่ธาตุและคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่มีคอเลสเตอรอล ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานสามารถรับประทานได้

มะเดื่อฝรั่ง มูลนิธิโครงการหลวง และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้นำมะเดื่อฝรั่งจากต่างประเทศเข้ามาทดลองปลูกศึกษาวิจัยมาเกือบ 25 ปีแล้ว คัดเลือกจนได้สายพันธุ์ดีที่เหมาะสมกับประเทศไทย ผลมีขนาดใหญ่ รับประทานผลสด ผลสดชุดแรกมีขนาดใหญ่ สีน้ำตาลเข้ม ผลชุดหลังมีขนาดปานกลาง เนื้อผลสีชมพูอ่อน มะเดื่อฝรั่งเป็นไม้ผลที่มีอายุยืนยาวได้มากกว่า 100 ปี เก็บเกี่ยวผลผลิตได้นานหลายสิบปี ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน

มะเดื่อ ฝรั่ง มีคุณค่าทางอาหารสูง ให้เส้นใยที่เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการกำจัดของเสียภายในร่างกาย ช่วยสร้างสมดุลความเป็นกรด-ด่าง ภายในร่างกาย มีโปรตีน เอ็นไซม์ วิตามิน และเกลือแร่ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ผลมะเดื่อฝรั่งหรือสารสกัดที่ได้จากผล ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ในรูปของสารยับยั้งเซลล์มะเร็ง มะเดื่อฝรั่ง จึงเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกชนิดหนึ่ง

ส้มเกรฟฟรุ้ต แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ 1. เกรฟฟรุ้ตแดง มีเปลือกหนา เนื้อสีแดง มีเมล็ดมาก 2. เกรฟฟรุ้ตสีชมพู มีเปลือกหนา เนื้อสีชมพู ไม่มีเมล็ด 3. เกรฟฟรุ้ตขาว มีเปลือกหนา เนื้อในสีเหลือง มีเมล็ดปานกลาง การปลูกเกรฟฟรุ้ตจะให้ผลผลิตเมื่ออายุประมาณ 5 ปีขึ้นไป ผลผลิต 60-200 ผล ต่อต้น น้ำหนักรวมเฉลี่ย 240 กิโลกรัม ต่อต้น เป็นผลไม้ทางเลือกอีกชนิดหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก โดยไม่ต้องอดอาหาร ไม่มีไขมัน มีไฟเบอร์และวิตามินซีสูง ในผลของส้มเกรฟฟรุ้ตอุดมไปด้วยเอ็นไซม์และน้ำ ทำหน้าที่ช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย ให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว น้ำหนักจึงลดลงได้ง่าย เพียงแต่รับประทานส้มเกรฟฟรุ้ตครึ่งผล ก่อนรับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ นอกจากนี้ ส้มเกรฟฟรุ้ตยังช่วยให้ระดับความดันของเลือดต่ำลง บรรเทาอาการหวัด ป้องกันมะเร็งปอดและมะเร็งลำไส้ ช่วยขับพิษในตับและป้องกันนิ่วในไต

องุ่น เป็นไม้ผลที่นิยมปลูกกันทั่วไป ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้นานถึง 20 ปี ที่สถานีเกษตรหลวงปางดะ พื้นที่ 2 งาน ปลูกองุ่นได้ 63 ต้น เป็นการปลูกที่ศึกษาวิจัยและพัฒนาการใหม่ โดยวิธีการผลิตต้นกล้า ระยะปลูกและรูปแบบการจัดทรงต้น วิธีการสร้างกิ่ง ระบบการตัดแต่งกิ่ง วิธีการส่งเสริมการสร้างตาดอก และการปฏิบัติการดูแลรักษาที่เหมาะสม รูปแบบการปลูกแบบนี้ หากเกษตรกรนำไปปฏิบัติ สามารถเก็บเกี่ยวได้ปีละ 2 ครั้ง มีรายได้จากองุ่นไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท

ฟักข้าว เป็นพืชสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง ที่มูลนิธิโครงการหลวงได้รวบรวมสายพันธุ์เพื่อการอนุรักษ์พันธุ์พืช เป็นพืชที่ประเทศไทยได้จดสิทธิบัตรไว้แล้วว่า โปรตีนจากเมล็ดฟักข้าวสามารถต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มประสิทธิภาพของเซลล์ตับ เยื่อหุ้มเมล็ดของฟักข้าวมีสีแดงนั้น มีสารที่เรียกว่า "ไลโคพีน" มีมากกว่าผักและผลไม้ทุกชนิด ทางการแพทย์ได้พิสูจน์แล้วว่า มีผลลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็ง มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร แก้ปัญหาต่อมลูกหมากสำหรับเพศชายที่สูงอายุ น้ำมันจากเยื่อเมล็ดฟักข้าวมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งตับ มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อ เอชไอวี-เอดส์ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง เยื่อหุ้มเมล็ดนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม ใช้เป็นยาดับพิษร้อนถอนพิษไข้

มี การใช้เถา ราก ใบ เป็นส่วนประกอบของการรักษา การถอนพิษ ดับพิษไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้พิษอักเสบ แก้ฝีในท้อง แก้ปวดบวม แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ฆ่าเหา ส่วนของเมล็ดใช้ตำผสมกับน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าว รักษาหูด อาการอักเสบ กลาก เกลื้อน อาการผื่นคัน โรคผิวหนังติดเชื้อต่างๆ ผลของฟักข้าวมีรสชาติเหมือนมะละกอดิบ นิยมลวกหรือต้มจิ้มน้ำพริก ปรุงเป็นเครื่องแกง ฯลฯ เรียกได้ว่า ฟักข้าว เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านที่ปัจจุบัน ได้ให้ความสำคัญมาก เนื่องจากมีสรรพคุณหลายประการสำหรับผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยจากมะเร็ง นับเป็นพืชภูมิปัญญาของบรรพบุรุษพืชหนึ่งที่สะสมไว้จนถึงปัจจุบัน

ผล ผลิตจากมูลนิธิโครงการหลวง ติดต่อได้ที่ งานขาย โครงการหลวงเชียงใหม่ โทรศัพท์ (053) 211-656 งานขาย โครงการหลวงกรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 942-8656-9 หรือศึกษาดูงานที่สถานีเกษตรหลวงปางดะ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ (081) 961-0363


การเลี้ยงไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,ไส้เดือนดิน,รักษ์ดิน,ฮิวมิคพลัส,มูลไส้เดือนดิน,ปุ๋ยหมัก

Tags :

view