จาก โพสต์ทูเดย์
ราคาน้ำตาลตลาดโลกผันผวน แนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีก 2-3 ปี เหตุบราซิลผลผลิตอ้อยน้อย ส่งผลดีต่อส่งออกไทย หวังรัฐบาลเร่งพัฒนาและเพิ่มผลผลิต และคุณภาพ รับราคาน้ำตาลตลาดโลกสูง
นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับบริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย (อนท.) ว่า ขณะนี้แนวโน้มราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกอยู่ในภาวะผันผวน โดยเริ่มมีราคาปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากบราซิลเกิดภาวะแห้งแล้ง ปริมาณผลผลิตอ้อยลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ที่ 533 ล้านตันอ้อย เหลือ 525 ล้านตันอ้อย ซึ่งในปีก่อนมีผลผลิตทั้งสิ้น 557 ล้านตันอ้อย ทำให้ปริมาณน้ำตาลจะหายไปประมาณ 2-3 ล้านตัน ส่งผลให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 26 ก.ค. 2554 ราคาซื้อขายล่วงหน้าเดือนต.ค. 2554 อยู่ที่ 30.94 เซนต์ต่อปอนด์ และราคาซื้อขายล่วงหน้า 3 ปี อยู่ที่ 22 เซนต์ต่อปอนด์ ซึ่งถือเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมอ้อยของไทยอย่างมาก
ดังนั้น ไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมรับกับแนวโน้มราคาที่อาจจะสูงขึ้นต่อไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยการพัฒนาศักยภาพการปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นจากปีนี้ ที่ผลิตได้ 95 ล้านตัน แต่คุณภาพอ้อยยังไม่ดีเท่าที่ควร รวมทั้งต้องมีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ด้วย ซึ่งโครงการสร้างดังกล่าวจะนำเสนอต่อนรัฐบาลใหม่ด้วย
“ตอนนี้ไทยได้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำตาลในปีหน้าไปแล้ว 85% โดยทำราคาเฉลี่ยได้ที่ระดับ 24.62 เซ็นต์ต่อปอนด์ ซึ่งยังเหลืออีก 15% ที่จะต้องติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด โดยจะพยายามขายให้ได้ในระดับราคาที่สูงที่สุด เพราะจะส่งผลต่อราคาอ้อยในประเทศด้วย” นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับแนวทางที่เตรียมเสนอรัฐบาลใหม่ได้แก่ การศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายที่ขณะนี้อยู่ใน ขั้นตอนการว่าจ้างที่ปรึกษาคาดว่าจะเสร็จในเร็วๆ นี้ซึ่งการศึกษาดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ดำเนินการเพื่อหาข้อ ยุติเกี่ยวกับการขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน 5 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) เพื่อนำส่งกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.)ในการชำระหนี้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ที่จะครบสิ้นปี โดยการศึกษาจะสรุปว่าควรจะยกเลิก หรือลดการเก็บมากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้การศึกษายังรวมถึงการเพิ่มโอกาสของอุตสาหกรรมอ้อยไปสู่ อุตสาหกรรมต่อเนื่องได้แก่ เอทานอล ไบโอชีวภาพ เพื่อเปิดทางให้ชาวไร่อ้อยได้มีทางเลือกมากขึ้นซึ่งสิ่งสำคัญคือจะต้องทำ อย่างไรให้อ้อยมีผลผลิตที่สม่ำเสมอและมีเสถียรภาพให้อุตสาหกรรมต่อเนื่อง มั่นใจได้ซึ่งจะต้องคำนึงถึงรายได้ของเกษตรกรที่ต้องมั่นคง
นายประกิต ประทีปะเสน ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย กล่าวว่า เป็นโอกาสดีของรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาในช่วงที่ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายใน ประเทศมีปริมาณมากโดยคาดว่าปี 2554/2555 ผลผลิตอ้อยจะแตะระดับ 100 ล้านตัน และราคาขายก็ยังอยู่ในระดับที่ดี จึงต้องการเห็นการทำงานแบบบูรณาการที่เชื่อมโยง ของหลายกระทรวง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาพันธุ์อ้อย การพัฒนาแหล่งน้ำ
กระทรวงอุตสาหกรรม ต้องพิจารณาภาพรวมของอุตสาหกรรม ว่าโครงสร้างราคาแบบใดที่เป็นธรรมและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย กระทรวงพาณิชย์ควรมีบทบาทในการส่งเสริมการค้าน้ำตาลทราย กระทรวงศึกษาธิการ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้กับ เยาวชน กระทรวงมหาดไทยจะช่วยดูแลเรื่องของการลักลอบขายน้ำตาลตามตะเข็บชายแดน เป็นต้น