จาก ประชาชาติธุรกิจ
นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนสหภาพยุโรปเมื่อปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้มีโอกาสหารือกับสมาคมสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของอิตาลี และภาคเอกชนสาขาอัญมณีและเครื่องประดับ และสิ่งทอของอิตาลี ในการส่งเสริมตลาด และจับคู่สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) หรือโครงการทวินนิ่ง โปรเจกต์ โดยผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับ และสินค้าแฟชั่นแบรนด์ดังของอิตาลี ได้แก่ บูลการี (BVLGARI) สนใจผ้าไหมยกดอกลำพูนของไทย และผ้าไหมไทยอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับเครื่องหมายรับรองนกยูงทอง พระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบูลการี “บูลการีสนใจผ้าไหมยกดอกจากลำพูนมาก เพราะลวดลายสวย แปลกตา และหรูหรา ต้องการจะทำเป็นผ้าพันคอขายทั่วโลก จึงขอให้ไทยทำตัวอย่างลายอื่นๆ และราคาเสนอไปให้พิจารณา หากการตกลงซื้อขายสำเร็จ จะทำให้ทั่วโลกรู้จักผ้าไหมไทย ที่ทำจากภูมิปัญญาไทย จากก่อนหน้านี้ ไทยได้จับคู่ผ้าไหมยกดอกลำพูน กับแชมเปญของฝรั่งเศส เพื่อทำตลาดร่วมกันมาแล้ว นอกจากนี้ อิตาลียังสนใจจับคู่ข้าวไทย กับน้ำมันมะกอก เพื่อทำการตลาดร่วมกันในอียู ซึ่งจะเป็นการขยายตลาดสินค้าไทยในอียูให้กว้างขวางขึ้น” นางปัจฉิมากล่าว นางปัจฉิมา กล่าวว่า ในการนำคณะผู้แทนกรมทรัพย์สินทางปัญญา และภาคเอกชนไทย เข้าร่วมงานนิทรรศการการอนุญาตให้ใช้สิทธิระหว่างประเทศ (International Licensing Expo) ที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 12-19 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเปิดช่องทางให้ผู้ประกอบการนำสินค้าแบรนด์ของตนเองไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ โดยการขอใบอนุญาตใช้ตราสินค้า หรือโลโก้ของแบรนด์อื่นบนสินค้าของตน โดยสินค้าไทยที่ต่างชาติสนใจซื้อไลเซ่นส์ เช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจากข้าวกล้องงอกอินทรีย์ ซึ่งสหรัฐฯสนใจร่วมทำผลิต ขาย และกระจายสินค้าในอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก, สินค้าผ้าไหม ที่สหรัฐฯสนใจสั่งซื้อเดือนละประมาณ 10,000 หลา มูลค่าประมาณเดือนละ 80,000 เหรียญฯ หรือปีละประมาณ 28 ล้านบาท รวมถึงตัวการ์ตูนอุลตราแมน และบัดดี้ บันนี่ เพื่อนำไปผลิตเป็นสินค้าประเภทต่างๆ ในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย เกาหลี และญี่ปุ่น
