จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สศก.เตรียม 2 แนวทาง รับมือปัญหาปาล์ม แนะใช้ผลิตไฟฟ้าแทนน้ำมันเตา หากผลผลิตล้นตลาด แม้ค่าไฟฟ้าจะสูงขึ้น แต่ช่วยเกษตรกรได้ทั้งระบบ
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า แม้สศก.จะประเมินสต็อกน้ำมันปาล์มช่วงสิ้นปีว่าน่าจะยังอยู่ในระดับสูง แต่ภัยธรรมชาติถือเป็นความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้ผลผลิตลดลง สศก.จึงกำหนดแนวทางการจัดการไว้ 2 แนวทาง คือ 1. กรณีที่สต็อกสำรองน้ำมันปาล์มอยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะน้ำมันปาล์มถูกนำไปผลิตไบโอดีเซล และราคาน้ำมันปาล์มโลกอยู่ในระดับเกิน 34 บาทต่อกิโลกรัม สศก.จะเสนอให้คงสูตรน้ำมันไบโอดีเซลบี 4 หรือลดสูตรเหลือบี 3 เพื่อไม่ให้น้ำมันปาล์มบริโภคขาดแคลน
2. กรณีที่สต็อกสำรองน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นมาก และผลผลิตล้นตลาด สศก.จะเสนอให้ปรับสูตรน้ำมันไบโอดีเซลเป็นบี 5 แต่อาจมีปัญหา เพราะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีภาระเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันกองทุนฯมีเงินสุทธิเพียง 300 ล้านบาทเท่านั้น โดยสศก.จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) พิจารณามอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) นำน้ำมันปาล์มส่วนเกินไปเผา เพื่อผลิตไฟฟ้าแทนน้ำมันปาล์ม
“ปัจจุบันมีโรงงานไฟฟ้าที่กระบี่ ใช้น้ำมันเตาผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว หากนำน้ำมันปาล์มไปเผาแทนน้ำมันเตา สามารถทำได้ แต่ค่าไฟฟ้าจะสูงขึ้น เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มตรึงไว้ที่ 38.26 บาทต่อกิโลกรัม สูงกว่าน้ำมันเตาประมาณ 10 บาท ส่วนค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจะถูกบวกรวมอยู่ในค่าเอฟที เช่น หากน้ำมันปาล์มไปเผา 3 หมื่นตัน ค่าเอฟทีจะเพิ่มขึ้นเป็นจุดทศนิยม 2 หลัก คือไม่เกิน 0.01 บาทต่อหน่วย แต่สามารถช่วยเหลือชาวสวนปาล์มทั้งระบบ และลดการนำเข้าน้ำมันเตาด้วย”นายอภิชาต กล่าว