จาก ประชาชาติธุรกิจ
จากการสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ประจำเดือน มิถุนายน ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ(กรุงเทพโพลล์) ได้ดำเนินการสำรวจเรื่อง“เปรียบเทียบนโยบายหาเสียง 2 พรรคใหญ่ พรรคใดเป็นต่อ? ทำได้ทำไม่ได้?” โดยสำรวจความคิดเห็นจากนักเศรษฐศาสตร์ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิ เคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของประเทศ 26 แห่ง จำนวน 73 คน พบว่า
นักเศรษฐศาสตร์ประเมินนโยบายหาเสียงเชิงเปรียบเทียบ (นโยบายที่มีความคล้ายคลึงกัน) ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย จำนวน 9 นโยบายพบว่า นักเศรษฐศาสตร์ให้นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เหนือกว่าพรรคเพื่อไทยจำนวน 7 นโยบาย ส่วนนโยบายที่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าพรรคเพื่อไทยเหนือกว่ามี 1 นโยบาย คือ นโยบายปราบยาเสพติดให้หมดไปภายใน 12 เดือน ขณะที่นโยบายขยายบรอดแบนด์แห่งชาติ 3G อินเทอร์เน็ตชุมชนสู่ทุกตำบลทั่วประเทศภายใน 4 ปี ของพรรคประชาธิปัตย์ กับ นโยบาย Free WIFI เล่น Internet ในที่สาธารณะของพรรคเพื่อไทยนั้น นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าเป็นนโยบายที่ดีพอๆ กัน สำหรับการนำนโยบายไปสู่ภาคปฏิบัติว่านโยบายใดทำได้ นโยบายใดทำไม่ได้ พบว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ 9 นโยบายมี 7 นโยบายที่นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าทำได้จริง ขณะที่อีก 2 คือนโยบายจัดการปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาด จัดตั้งกองกำลังพิเศษ 2,500 นาย และนโยบายขยายบรอดแบนด์แห่งชาติ 3G อินเทอร์เน็ตชุมชน สู่ทุกตำบลทั่วประเทศภายใน 4 ปี เป็นนโยบายที่เชื่อว่าไม่สามารถทำได้จริง ในส่วนของพรรคเพื่อไทย 9 นโยบายมี 5 นโยบายที่เชื่อว่าทำได้จริง ขณะที่อีก 4 นโยบายเชื่อว่าไม่สามารถทำได้จริงคือ นโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท นโยบายปราบยาเสพติดให้หมดไปภายใน 12 เดือน นโยบายทำรถไฟความเร็วสูงไปเชียงใหม่ โคราช ระยองและขยายแอร์พอร์ตลิงส์ ไปฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพัทยา นโยบายขยายรถไฟฟ้าให้ครบทั้ง 10 สาย แต่ละสายเก็บ 20 บาท ส่วนนโยบายที่น่าสนใจอื่นๆ ของทั้ง 2 พรรค ซึ่งเลือกมาพรรคละ 3 นโยบายพบว่า นักเศรษฐศาสตร์มองว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เป็นโยบายที่ดีทั้ง 3 นโยบาย ขณะที่นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นนโยบายที่ดี 2 นโยบายและเป็นนโยบายที่แย่ 1 นโยบายคือเครดิตการ์ดพลังงาน เพื่อเติมน้ำมันหรือก๊าซ NGV สำหรับคนขับแท็กซี่ สามล้อ รถตู้ และมอเตอร์ไซต์รับจ้าง
จาก ที่กล่าวมาพบว่านโยบายที่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าเป็นนโยบายที่ดีที่สุดและ สามารถทำได้จริงมี 2 นโยบายที่มีเปอร์เซ็นต์เท่ากัน คือ นโยบายเชื่อม กทม.-ปริมณฑล (นนทบุรี-ปทุมธานี-สมุทรปราการ) ด้วย รถไฟฟ้าระยะทาง 166 กม. ภายใน 5 ปี และนโยบายจัดให้มีบำนาญประชาชนหลังอายุ 60 ปี โดยรัฐร่วมสมทบในกองทุนการออมแห่งชาติ ของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนนโยบายที่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าเป็นนโยบายที่แย่มากที่สุดและไม่สามารถทำ ได้จริง คือ โครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร หรือเครดิตการ์ดชาวนา ควบคู่กับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเจ้าเกวียนละ 15,000 บาท/ข้าวหอมมะลิเกวียนละ 20,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย