สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ระเบิดฐานนม เทคนิคเลี้ยงโคนมแบบ ทินกร ศิริสมบัติ ที่ป่าเด็ง

จาก เทคโนโลยี่ชาวบ้าน

เทคโนฯ ปศุสัตว์

ธนสิทธิ์ เหล่าประเสริฐ

"ระเบิดฐานนม" เทคนิคเลี้ยงโคนมแบบ ทินกร ศิริสมบัติ ที่ป่าเด็ง

นับ เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้วที่ คุณทินกร ศิริสมบัติ ชายวัย 56ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/1 หมู่ที่ 2 ตำบลป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนอาชีพจากที่ทำอาชีพรับจ้างทั่วไปมาเป็นเกษตรกรผู้ เลี้ยงโคนม และสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จ โดยได้รับคัดเลือกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เข้ารับพระราชทานโล่รางวัล เกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพเลี้ยงสัตว์ ประจำปี 2554 ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เมื่อเร็วๆ นี้



เริ่มต้นจากโคนมเพียง 1 ตัว ในปี 45

สำหรับ เกษตรกรคนเก่งผู้นี้ ได้เริ่มมาเลี้ยงโคนมเมื่อปี พ.ศ. 2545 ซึ่งได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ประกอบกับพื้นที่ใกล้เคียงมีเกษตรกรเลี้ยงโคนมเป็นตัวอย่างอยู่ก่อนแล้ว และมีสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์คห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด ซึ่งเป็นแหล่งรับซื้อน้ำนมดิบที่มั่นคง

"ด้วยเห็นว่าอาชีพการเลี้ยง โคนมเป็นอาชีพพระราชทานฯ จึงนำเงินออมที่เก็บไว้ไปซื้อที่ดิน จำนวน 1 ไร่ และกู้เงินจากกองทุนหมู่บ้านเพื่อซื้อลูกโคนมเพศเมีย จำนวน 1 ตัว" คุณลุงทินกร กล่าว

จุดเริ่มต้นของการเลี้ยงโคนมนั้น คุณลุงทินกรบอกว่า ได้เลี้ยงด้วยวิธีการง่ายๆ ตามความรู้ที่มี โดยการผูกล่ามไว้ข้างบ้านและเกี่ยวหญ้าจากพื้นที่สาธารณะมาเลี้ยงโค ต่อมาเมื่อมีความชำนาญมากขึ้น ได้นำเงินออมจากการรับจ้างมาซื้อแม่โคเพิ่มอีก จำนวน 4 ตัว รวมมีโคนม 5 ตัว

ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 ได้สมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์คห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด และเข้ารับอบรมการเลี้ยงโคนม รวมทั้งได้เบอร์สมาชิก เพื่อจัดส่งน้ำนมให้สหกรณ์

จากนั้นคุณลุงทินกรได้พัฒนาวิธีการเลี้ยงโคนมให้ดียิ่งขึ้นโดยเพิ่มแม่โคนมเป็น 9 ตัว มีผลผลิตน้ำนมเฉลี่ยถึง 9 กิโลกรัม/ตัว/วัน

ใน ช่วงระยะเวลาการประกอบอาชีพการเลี้ยงโคนมมานั้น มีหลายครั้งที่เขาต้องประสบปัญหาส่งผลกระทบกับการประกอบอาชีพ เช่น การเกิดภาวะวิกฤติเนื่องจากปัญหาน้ำนมล้นตลาด ราคาตกต่ำ รายได้ไม่คุ้มทุน แต่คุณลุงทินกรก็ยังคงมุ่งมั่นเลี้ยงโคนม

"เพราะมีความเชื่อมั่นว่าเป็นอาชีพพระราชทานฯ" คุณลุงทินกร กล่าว

พร้อม กันนี้ ด้วยเห็นว่าสถานการณ์โคนมคงจะมีแนวโน้มดีขึ้น ตามกลไกตลาด จึงได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสโดยการรับซื้อโคนมจากเพื่อนเกษตรกรที่ขายให้ใน ราคาต่ำอีกจำนวน 16 ตัว รวมมีโคนม 25 ตัว

จากที่ได้ทุ่มเทให้ กับการประกอบอาชีพมาหลายปี พร้อมกับได้สร้างสมประสบการณ์การเลี้ยง คุณลุงทินกรจึงมีการพัฒนาการเลี้ยงมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการภายในฟาร์ม

คุณลุงทินกรได้เน้น การเลี้ยงโดยใช้อาหารหยาบคุณภาพเพื่อลดต้นทุน รวมทั้งเช่าพื้นที่เพื่อปลูกหญ้าสำหรับเลี้ยงโคนม หญ้าที่ปลูก คือ รูซี่ กินนีสีม่วง เพื่อเป็นแหล่งอาหารหยาบคุณภาพดีสำหรับโคนม รวมแปลงหญ้า 24 ไร่ ต่อมาได้ซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อสร้างโรงเรือนสำหรับเลี้ยงโคนมเพิ่มเติม จัดการให้อาหารโดยเน้นหญ้าสดคุณภาพดีจากแปลงหญ้าที่ปลูกและเสริมด้วยกาก สับปะรดและอาหารสำเร็จรูป

จากการเลี้ยงที่เจริญก้าวหน้ามาอย่างต่อ เนื่องจึงทำให้คุณลุงทินกรสามารถขยายจำนวนโคนมในฟาร์มได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 ได้ซื้อโคนมเพิ่ม รวมลูกโคที่เกิดขึ้นในฟาร์มเป็น 30 ตัว ให้ผลผลิตน้ำนมดิบ 200 กิโลกรัม/วัน อีกทั้งยังพัฒนาการเลี้ยงจนได้รับการรับรองให้เป็นฟาร์มมาตรฐานของกรมปศุ สัตว์ และได้รับการคัดเลือกให้เป็นฟาร์มโคนมต้นแบบสาธิตของจังหวัดเพชรบุรี

จนในปี 2551 คุณลุงทินกรสามารถพัฒนาการเลี้ยงโคนมอย่างต่อเนื่อง ศึกษาด้วยตนเองจนมีผลผลิตน้ำนมในฟาร์มมากกว่า 380 กิโลกรัม/วัน และสามารถนำเงินที่ได้จากน้ำนมดิบมาสร้างบ้านของตนเอง

ปัจจุบัน คุณลุงทินกร มีจำนวนโคนมที่เลี้ยงทั้งสิ้น 45 ตัว แบ่งเป็นโครีดนม จำนวน 27 ตัว โคแห้งนม 7 ตัว โคสาวท้อง 7 ตัว โครุ่น 1 ตัว และลูกโคเพศเมีย 3 ตัว ปริมาณน้ำนมที่รีดได้เฉลี่ย 585 กิโลกรัม/วัน หรือเฉลี่ย 21 กิโลกรัม/ตัว/วัน และเป็นฟาร์มที่มีสัดส่วนโครีดนม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของฝูง



"ระเบิดฐานนม" เทคนิคทำให้ได้น้ำนมสูง

จาก ประสบการณ์การเลี้ยงโคนมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณลุงทินกรสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้เป็นอย่างดี นั้น มีปัจจัยที่สำคัญคือ การที่เน้นการพัฒนาการเลี้ยงโคนมตามหลักวิชาการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องมา โดยตลอด

โดย คุณปรีชา สมบูรณ์ประเสริฐ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้กล่าวถึงเคล็ดลับการเลี้ยงโคนมของคุณลุงทินกรว่า ได้มีการปรับปรุงพันธุ์โคนมโดยใช้การผสมเทียม รวมทั้งมีการคัดเลือกแม่โคในฟาร์มโดยเน้นรูปร่างภายนอก

"เช่น ลักษณะโครงสร้างใหญ่ รูปทรงตรงตามลักษณะประจำสายพันธุ์ รูปทรงเป็นสามเหลี่ยม เส้นเลือดที่เต้านมใหญ่ เต้านมกว้างและระยะเต้านมห่าง คอเล็ก ผิวหนังบาง กีบสวย" อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าว

ซึ่งลักษณะที่กล่าวนั้น ถือเป็นลักษณะของโคนมที่แข็งแรงและให้น้ำนมดี

นอกจากนี้ ยังมีการนำสายพันธุ์บราวน์สวิสมาทดลองผสมเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ของโคนมภายในฟาร์มด้วย

นอกจากเรื่องของสายพันธุ์แล้ว คุณลุงทินกรยังมุ่งเน้นการเลี้ยงด้วยอาหารหยาบและอาหารข้นคุณภาพดี

โดย ในส่วนของอาหารหยาบนั้นเน้นการใช้หญ้าคุณภาพดี เช่น รูซี่ กินนีสีม่วง โดยจะตัดให้กินในระยะที่เหมาะสม อายุไม่เกิน 45 วัน และฟางแห้งในฤดูแล้ง

สำหรับ อาหารข้นใช้การผสมจากวัตถุดิบและวัสดุเหลือใช้ราคาถูกที่มีในท้องถิ่นเป็น หลัก เน้นจัดสัดส่วนอาหารที่มีอาหารหยาบหมักและอาหารข้นร่วมด้วย อาทิ มันเส้น สับปะรดหมัก กากถั่วเหลือง กากเบียร์ กระถินป่น รำแป้ง วิตามิน แร่ธาตุรวมสำหรับโครีดนม

คุณลุงทินกรจะให้อาหารแก่แม่โคได้กินเต็ม ที่ตามต้องการ ก่อนรีดนม 15 นาที ตัวละไม่น้อยกว่า 8-9 กิโลกรัม/ครั้ง วันละ 2 ครั้ง และจัดหาอาหารแร่ธาตุก้อนให้โคได้เลียกินตลอดเวลา

นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคในการจัดการเพื่อให้ได้น้ำนมสูง ที่เรียกว่า "การระเบิดฐานนม" ซึ่งได้รับความสนใจจากเกษตรกรรายอื่นๆ

โดย เทคนิคที่คุณลุงทินกรดำเนินการคือ การเน้นเพิ่มอาหารและยาบำรุงเป็นพิเศษสำหรับแม่โคหลังนมแห้ง 1 เดือน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแม่โคก่อนและหลังคลอด อีกทั้งมีการจัดการฝูงโคนมที่จัดสัดส่วนแม่โคให้นมในสัดส่วนที่สูงกว่าแม่โค ไม่ให้นม โดยมีสัดส่วนร้อยละ 60 ของแม่โคนมทั้งหมด

ในส่วนการป้องกัน โรค คุณลุงทินกรจะเน้นการสุขาภิบาลและการทำวัคซีนเพื่อป้องกันโรคปากและเท้า เปื่อยปีละ 2 ครั้ง พร้อมกับการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาโรคบรูเซลโลซีส วัณโรคและพาราทูเบอร์คูโลซีส ปีละครั้ง ถ่ายพยาธิ 21 วัน/ครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีการฉีดยาบำรุงร่างกาย โดยดูจากสุขภาพและฉีดหลังคลอด 2 สัปดาห์

"ที่ สำคัญอีกประการคือ การควบคุมปัญหาโรคเต้านมอักเสบโดยการรีดด้วยมือตาม หลังการรีดด้วยเครื่องทุกครั้ง เน้นความสะอาดในคอกรีดและอุปกรณ์รีดนม หลังรีดนม ให้แม่โคพักในคอกในระยะหนึ่งก่อนปล่อยเพื่อให้รูเต้านมปิดสนิทป้องกันเชื้อ โรค" คุณลุงทินกร กล่าว

ในส่วนของการจัดการฟาร์ม คุณลุงทินกรได้พัฒนารูปแบบการจัดการฟาร์มจนได้รับรองให้เป็นฟาร์มมาตรฐานโค นม โดยมีลักษณะแยกโรงเรือนออกเป็นส่วนๆ คือ คอกรีดนม คอกพักโค คอกลูกโค คอกโครุ่น-โคสาว คอกโคสาวท้อง คอกโคพักท้อง ห้องเก็บอาหาร ห้องเก็บวัสดุ ที่เก็บยาเวชภัณฑ์ ที่เก็บอุปกรณ์รีดนม ที่เก็บมูลโค ที่เก็บฟาง/หญ้าเลี้ยงโค เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการและเพื่อความเหมาะสมต่อการดูแลป้องกันโรคภายใน ฟาร์ม

ขณะที่การตลาดนั้น คุณลุงทินกรได้เข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์คห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด โดยส่งน้ำนมให้สหกรณ์ วันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและบ่าย มีการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย มีปริมาณน้ำนมเฉลี่ยมากกว่า 21 กิโลกรัม/ตัว/วัน มีค่าไขมันนมเฉลี่ยร้อยละ 4 คุณภาพของน้ำนมอยู่ในระดับดีถึงดีมากตลอดปี

ผลกำไรจากการประกอบ กิจกรรมโคนม มีดังนี้ ปี พ.ศ. 2551 มูลค่า 595,618 บาท ปี พ.ศ. 2552 มูลค่า 1,076,372 บาท และปี พ.ศ. 2553 มูลค่า 682,556 บาท

นอกจากนี้ ยังมีการสร้างเครือข่ายผู้เลี้ยงโคนม ช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุนและแก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมที่มีปัญหา รวมทั้งให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการต่างๆ เป็นอย่างดี

ทั้ง หมดนี้ จึงเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางความสำเร็จในอาชีพของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ผู้นี้ คุณทินกร ศิริสมบัติ เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ดีเด่น ประจำปี 2554



เพิ่มปริมาณน้ำนม ด้วยเทคนิคระเบิดฐานนม

ใน การเลี้ยงโคนมของคุณลุงทินกรนั้น การพัฒนาระบบการจัดการฟาร์ม เพื่อให้โคนมสามารถให้ผลผลิตน้ำนมได้มากนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณลุงทินกรได้กระทำมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการนำวิชาการตามข้อแนะนำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมปศุสัตว์ เข้ามาช่วย รวมถึงการคิดค้นพัฒนาเทคนิคการเลี้ยงของตนเองขึ้นมา


การ ระเบิดฐานนม เป็นหนึ่งในเทคนิคที่คุณลุงทินกรได้คิดค้นขึ้น และได้ปฏิบัติใช้ในฟาร์มจนประสบความสำเร็จ สามารถทำให้แม่โคมีปริมาณการให้น้ำนมต่อตัวที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"การ เลี้ยงโคนมนั้น สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดีคือ ต้องมีการดูแลเอาใจแม่โคนมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพ การเลี้ยงโคนมของผมนั้น ผมจะถือหลักว่า ต้องเลี้ยงโคนมเหมือนกับการเลี้ยงลูกหลานในครอบครัวของเรา โคนมนั้นทุกตัวมีความสามารถในการให้น้ำนมสูงทั้งสิ้น โดยเราเลี้ยงโคนมตัวหนึ่ง จะสามารถรีดน้ำนมได้ไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 กิโลกรัม อย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ต้องมีการดูแลเอาใจใส่ ให้ทั้งอาหารและยาบำรุงอย่างเต็มที่" คุณลุงทินกร กล่าว

คุณลุงทินกร บอกว่า จุดเริ่มต้นของการใช้เทคนิคระเบิดฐานนมนั้น เกิดขึ้นจากวันหนึ่งได้ซื้อแม่โคนมท้อง 3 จากฟาร์มของเพื่อนเกษตรกรเข้ามาเลี้ยง แต่แม่โคกลับไม่ให้ปริมาณน้ำนมมากนัก จึงมาพิจารณาหาสาเหตุ

"ผมดูลักษณะโคนมแล้ว เป็นโคที่มีรูปทรงสวย มีลักษณะการให้นมดี แต่พอรีดนมจริงๆ กลับให้น้ำนมไม่ดี จึงมาพิจารณาหาสาเหตุ ก็พบว่า จากการเลี้ยงที่ผ่านมา แม่โคไม่ได้รับการให้อาหารที่ดี และไม่มีการบำรุงเลย ผมจึงนำมาปรับโปรแกรมการเลี้ยงใหม่ทั้งหมด มีทั้งการให้อาหารและฉีดยาบำรุงอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้น แม่โคก็ให้ปริมาณน้ำนมเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก โดยเพิ่มจากเดิมที่ให้น้ำนมเพียง 18 กิโลกรัม ต่อวัน เพิ่มขึ้นมาเป็น 32-40 กิโลกรัม เลยทีเดียว แต่กว่าจะสำเร็จได้ ผมก็ลองผิดลองถูกอยู่นานเหมือนกัน"

สำหรับเทคนิคการระเบิดฐานนมนั้น คุณลุงทินกรให้ข้อแนะนำว่า ปัจจัยสำคัญ 2 ประการ ที่ต้องทำคือ การให้อาหาร และการฉีดยาบำรุง รวมถึงการถ่ายพยาธิ ซึ่งจะเริ่มทำตั้งแต่แม่โคตั้งท้องได้ประมาณ 7 เดือน โดยการให้อาหารนั้น จะดูจากสภาพโคเป็นหลักว่ามีลักษณะอ้วนหรือผอม จากนั้นจะให้อาหารกินอย่างเต็มที่ในช่วงแรก โดยอาหารที่ให้นั้นจะใช้สูตรอาหารที่คิดส่วนผสมขึ้นเอง โดยมีปลาป่น เปลือกสับปะรดหมัก กากเบียร์ แร่ธาตุ กินดิน รำ เป็นส่วนผสมหลัก โดยให้แม่โคกินเต็มที่ วันละ 5-7 กิโลกรัม นานประมาณ 2 เดือน ก่อนหยุดรีดนม

แต่เดือนสุดท้าย จะหยุดการให้อาหารข้น เปลี่ยนมาให้ฟางหรือเปลือกสับปะรดหมักเพียงอย่างเดียว เพื่อให้แม่โคนมแห้งมากที่สุด และต้องมีการรีดนมออกทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดการอักเสบของเต้านม ซึ่งตรงนี้เจ้าของโคต้องมีการตรวจเช็คดูแลตลอดว่า เต้านมของแม่โคมีการอักเสบ หรือเป็นฝีเกิดขึ้นหรือไม่ หากพบก็รีบให้ดำเนินการแก้ไข พอนมเหลือวันละ 6-7 กิโลกรัม ต่อวัน ก็จะหยุดการรีด ปล่อยให้เป็นโคดราย หลังจากแม่โคคลอดลูกแล้วประมาณ 3 เดือน ก็จะผสมพันธุ์รอบใหม่

"ส่วนเรื่งอของยาบำรุง จะมีการฉีดยาให้กับแม่โคอย่างต่อเนื่อง ทุก 7-10 วัน ซึ่งอันนี้จะต้องดูจากสภาพโคเป็นหลัก ว่าอ้วนหรือผอม และหลังจากคลอดลูกแล้ว การฉีดยาบำรุงก็จะทำต่อเนื่อง โดยฉีดให้ทุก 7-15 วัน เช่นกัน รวมถึงการถ่ายพยาธิอย่างต่อเนื่องด้วย" คุณลุงทินกร กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับผู้สนใจเทคนิคการระเบิดฐานนมของคุณลุงทินกรนั้น ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. (081) 014-8283

Tags :

view