จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
อีรีร์เตือนโลกเผชิญวิกฤติข้าวรอบใหม่หลังราคาธัญพืชหลักปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า
สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ(อีรีร์) เตือนว่า ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าอาจเกิดวิกฤติข้าวเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2551 อีกครั้งและนำไปสู่การก่อเหตุจลาจลในประเทศกำลังพัฒนา ท่ามกลางภาวะที่ต้นทุนสินค้าเกษตรขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีรีร์ ระบุว่า ที่ผ่านมา ตลาดข้าวโลกอยู่ในภาวะสมดุลเนื่องจากมีการบริหารจัดการธัญพืชอย่างเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปรับตัวขึ้นอย่างมากของราคาธัญพืชในตลาดโลก อานิสงส์จากสภาพอากาศที่มีเสถียรภาพในพื้นที่ปลูกข้าวหลายพื้นที่
ทั้งนี้ ต้นทุนของข้าวสาลีเพิ่มขึ้น 121% ในช่วง 8 เดือนจนถึงเดือนก.พ. ส่วนข้าวโพดขยับขึ้น 92% และน้ำตาลเพิ่มขึ้น 80% ผลพวงจากสภาพอากาศที่เลวร้ายและความต้องการโภคภัณฑ์ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาข้าวขยับขึ้นแค่ 17% สืบเนื่องจากการเก็บเกี่ยวได้ผลดีในช่วงปี 2553 แต่อีรีร์ ซึ่งระบุในรายงานรายไตรมาสที่เผยแพร่ในนิตยสารชื่อไรซ์ ทูเดย์ ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการกว้านซื้อข้าวอย่างมากลักษณะเหมือนช่วง 3 ปีที่แล้ว ส่งผลให้ราคาข้าวทะยานขึ้นอีกครั้ง
ราคาข้าวทะยานขึ้นเกือบ 3 เท่าจาก 362 ดอลลาร์ต่อตันในเดือนธ.ค. 2550 เป็นเกือบ 1,000 ดอลลาร์ต่อตันในเดือนเม.ย. ปี 2551 ขณะที่สต็อกข้าวร่วงลงต่ำสุดในรอบ 30 ปี ท่ามกลางความต้องการของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ชาวจีนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำแยงซี หลายล้านคนยังต้องเผชิญกับความแห้งแล้ง โดยไม่มีน้ำดื่ม และขาดแคลนไฟฟ้า ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งบริเวณตอนบนของแม่น้ำยิ่งเลวร้าย ผลผลิตทางการเกษตรเหี่ยวแห้ง ทั้งคนและสัตว์ไม่มีน้ำดื่มกิน ชาวนาในมณฑลหูเป่ยและหูหนาน ไม่สามารถเพาะปลูกได้ โดยคาดว่า ฝนจะตกเพียงเล็กน้อยจนถึงเดือนหน้า เกษตรกรบางส่วน ทิ้งไร่น่า มุ่งหน้าเข้าเมืองเพื่อหางานทำ
สื่อจีนรายงานว่า พื้นที่เพาะปลูกกว่า 8 ล้านไร่ใน 7 มณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกสำคัญของจีนได้รับผลกระทบจากภัยแล้งครั้งนี้ ขณะที่รัฐบาลให้คำมั่นจะเพิ่มงบประมาณด้านการชลประทานอีกหลายพันล้านดอลลาร์ ด้านกระทรวงพานิชย์ของจีนระบุว่า ภัยแล้งทำให้ราคาหมูและข้าวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อหนักขึ้น โดยคาดว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนน่าจะอยู่ที่ 5.6%
