จาก โพสต์ทูเดย์
ประชาธิปัตย์หาเสียงไว้ว่า เข้ามาวันแรกทำได้ทันที จะทำอะไร
เราใช้คำว่า “วันแรกทำทันที” งานหลายเรื่องขณะนี้เราได้เริ่มต้นแล้ว บังเอิญช่วงยุบสภาเขาเรียกรัฐบาลรักษาการ ตามกฎหมายก็ต้องหยุด แต่ความที่นโยบายเราเป็นการต่อยอดจากงานเดิมที่ทำ เช่น การช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร เราทำเรื่องประกันรายได้เป็นหลัก จะปรับปรุงการเพิ่มกำไร การคำนวณต้นทุน การบริหารจัดการ เราทำได้ทันที ขณะที่คู่แข่งประกาศว่าจะยกเลิกนโยบายนี้ ซึ่งเขาต้องยกเลิกก่อน และคิดโครงการนับหนึ่งใหม่ ขณะที่เราบอกว่าโครงการดีอยู่แล้ว เราเติมให้เต็มสิบ
ที่สำคัญคือเราไม่ได้หยิบยกประเด็นที่คิดว่าจะเป็นปัญหาทางการเมืองขึ้น มา ซึ่งจะทำให้เสียเวลากับตรงนั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเน้นย้ำคือ เอาปัญหาของประชาชนเป็นตัวตั้ง เรามีโอกาสทำงานมาแล้ว งานหลายอย่างมีความก้าวหน้า แต่ยังไม่พอ เราจะเร่งต่อยอดและทำทันที ที่ได้รับโอกาสในการเข้ามาสานต่องานเหล่านี้เพื่อประโยชน์ของประชาชน
ย้อนกลับไปสมัยก่อน เคยหาเสียงเรื่อง 99 วันทำได้จริง ที่ผ่านมาทำได้จริงไหม
ทำเสร็จหมดแล้วครับ เช่น เรียนฟรี เราเข้ามาต้นปี 2552 ภายใน 99 วัน วางระบบเรียบร้อย พอเปิดเทอมผู้ปกครองได้เงินค่าอุปกรณ์ ตำรา เครื่องแบบ ส่วนการตั้งชุมชนพอเพียงก็เข้ามาผลักดันงบประมาณกลางปีได้ทันที เรื่องกลไกการทำงานในสภา การตรึงราคาก๊าซหุงต้มก็ทำทันที และมีบางเรื่องที่ไม่ได้พูด แต่ก็ทำได้เสร็จ 99 วัน เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
พิสูจน์มาแล้วสิ่งที่เคยบอกว่าจะทำภายใน 99 วัน ก็ได้ทำตามที่พูดไว้ แต่อาจมีคนไปบิดเบือน เช่น บอกว่า 99 วัน เหตุการณ์ภาคใต้จะสงบ อันนี้ผมไม่เคยพูด เราพูดว่ากลไกจะต้องมีและแนวทางเราก็ทำภายใน 99 วัน โดยการตั้งคณะรัฐมนตรีภาคใต้ มีอีกเรื่องคือน้ำมัน พูดตอนต้นปี 2551 เราบอกจะลดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ แต่วันที่เข้ามาตอนปี 2552 สถานการณ์คนละอย่าง แต่พอสถานการณ์กลับมาเหมือนปี 2550 ก็ทำเหมือนอย่างที่เคยพูดไว้
ข้อจำกัดในการเดินหน้านโยบายที่สำคัญคือ พรรคร่วมรัฐบาล
ไม่หรอกครับ เหมือนครั้งที่แล้ว นโยบายหลักๆ ที่พูด 99 วัน ผมเป็นรัฐบาล แม้เป็นรัฐบาลผสม แต่เรายืนยันว่าคนที่มาร่วมงานกับเรายอมรับนโยบายเหล่านี้ เช่นเดียวกันในการจัดตั้งรัฐบาลถ้าเรามีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง เงื่อนไขสำคัญสุดคือการยอมรับนโยบาย เพราะเราถือว่านี่คือสิ่งที่เราไปขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนมา
การจัดตั้งรัฐบาลมีเงื่อนไขว่าทุกพรรคจะต้องยอมรับนโยบาย
ใช่ครับ ผมไม่ค่อยกังวล เพราะหลายพรรคการเมืองในขณะนี้ก็ร่วมงานกับประชาธิปัตย์อยู่ จะทราบหลักคิด แนวคิดในการแก้ปัญหาหลายเรื่องอยู่แล้ว
พรรคร่วมคงต้องการกระทรวงเกรดเอ จะทำให้นโยบายประชาธิปัตย์ที่จะผลักดันติดขัดหรือไม่
การจะจัดสรรตำแหน่งต่างๆ ต้องรอผลการเลือกตั้ง และที่ผ่านมาไม่ใช่รัฐบาลประชาธิปัตย์รัฐบาลเดียวที่จะต้องมีการตัดสินใจ ตกลงแบบนี้ ก่อนหน้าเป็นรัฐบาลผสมระหว่างพรรคพลังประชาชนกับพรรคอื่นๆ ต่อมาก็ร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งคนที่มาร่วมงานกับประชาธิปัตย์ ก็คือคนที่ดูกระทรวงนั้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองใหญ่ทุกพรรค ถ้าไม่ได้เสียงข้างมากก็มีความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาลผสม
การจะฟอร์มรัฐบาลใหม่จะปรับเปลี่ยนกระทรวงไหม
เราไม่ได้ยึดโครงสร้างเดิมอยู่แล้ว เพราะการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ต้องดูผลการเลือกตั้ง แล้วมาตกลงกันว่าจะทำอย่างไร เราได้พูดชัดเจนว่าถ้าเรามีโอกาส บางกระทรวงที่เราไม่เคยได้ทำงานในช่วงที่ผ่านมาก็อยากบริหารเอง เช่น มหาดไทย หรือพาณิชย์
ปมร้อนเรื่องนิรโทษกรรม และเรื่องความปรองดองเป็นอย่างไร
การปรองดองที่ดีที่สุด คือการให้คนที่ไม่มีส่วนได้เสีย ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงเข้ามาเป็นคู่คิดว่าจะทำอย่างไร เพราะถ้าเอาคู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียมาคิด อีกฝ่ายก็จะอดคิดไม่ได้ว่าจะมีการเอื้อประโยชน์ เอาเปรียบ ช่วยเหลือพรรคพวก ที่เราทำมา คือในกระบวนการปรองดอง ประเด็นที่หยิบยกมา เช่น ความไม่เป็นธรรมในสังคม เหลื่อมล้ำ กระบวนการยุติธรรมอื่นๆ เราก็ตั้งคณะกรรมการอิสระ ชุดท่านอานันท์ ปันยารชุน คุณหมอประเวศ วะสี
ถ้าเอาคู่กรณีมาเสนอว่าจะปรองดองอย่างไร มันก็มีความขัดแย้งได้ พูดกันตรงไปตรงมา มีแกนนำเสื้อแดงอยู่ในบัญชีรายชื่อที่จะเป็น สส.เพื่อไทย อาจจะมาเป็นรัฐมนตรีด้วยซ้ำ ตรงนั้นคนเหล่านี้เสนอแผนปรองดองถามว่าจะเป็นที่ยอมรับมากน้อยแค่ไหน หรือกำลังจะสร้างปัญหาใหม่
เพื่อไทยบอกว่า จะเดินเรื่องนโยบายปรองดองคู่ไปกับปัญหาปากท้อง พร้อมตั้งกรรมการกลาง
ผมคิดว่า เมื่อปี 2551 เป็นบทเรียนมาแล้วที่มีการเลือกตั้งเสร็จตอนแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอมีการหยิบยกเรื่องนิรโทษกรรมขึ้นมาก็เกิดความวุ่นวายประท้วง ชุมนุมคัดค้าน เราควรเก็บเกี่ยวบทเรียนตรงนั้น และคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาขณะนี้ เขาไม่เป็นกลาง อย่างไรที่ผ่านมาได้พิสูจน์ตนเองพอสมควร
ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะต่อยอดปรองดองอย่างไร
มีรายงานเข้ามาหมดแล้ว บางอันเป็นรายงานเบื้องต้น บางอันเสร็จสิ้นในตัวของมันเอง ก็สามารถเดินหน้าตัดสินใจได้ สมมติประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้งมาจัดตั้งรัฐบาล เราก็มุ่งแก้ปัญหาปากท้อง แก้ปัญหาเรื่องยาเสพติด และปล่อยให้กระบวนการยุติธรรม คณะกรรมการอิสระ ช่วยดูแลว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาใครถูกผิด ใครต้องรับผิดชอบ มีข้อเสนอแนะรัฐบาลก็ทำตาม
ฝั่งคุณยิ่งลักษณ์ยืนยันอยากดีเบตในสภา
เรื่องดีเบตไม่ดีเบตประชาธิปัตย์ไม่ใช่คนจัด คนจัดคือคนกลาง แล้วถามว่าเขาจัดทำไม เขาจัดเหมือนสากลเขาทำ ซึ่งผมก็ต้องการรักษาหลักในเวทีประชาธิปไตย ประเทศต่างๆ ในระบบรัฐสภาเขาก็จัดเวทีทั้งนั้น ประชาชนก็บอกว่า เป็นสิทธิที่เขาควรรู้ โพลก็สำรวจว่าคนส่วนใหญ่ต้องการเห็นเวทีแบบนี้
ผมบังคับให้ใครมาร่วมไม่ได้อยู่แล้ว และไม่ใช่เรื่องระหว่างผมกับเพื่อไทย หัวหน้าพรรคอื่นเขาก็อยากมีโอกาสมานั่งเปรียบเทียบ โดยข้อเท็จจริงคนที่จะหลีกเลี่ยงการดีเบตมากที่สุดคือคนเป็นรัฐบาล เพราะส่วนใหญ่ไปดีเบตคนที่ถูกรุม คนรัฐบาลเป็นเป้าง่ายสุด แต่ผมเป็นนักประชาธิปไตย เป็นฝ่ายค้านรัฐบาล สม่ำเสมอมาตลอดว่าเรามาคุยกันว่าอะไรเป็นอะไร ประชาชนจะได้เปรียบเทียบ
ที่พูดอย่างนี้ เพราะคุณอภิสิทธิ์มีภาษีดีกว่า ประสบการณ์ทางการเมืองมากกว่า
ไม่จำเป็นหรอกครับ ที่ผ่านมาปี 2550 ก็มีประเด็นนี้กับคุณสมัคร สุนทรเวช ใครจะโต้วาทีเก่งเท่าคุณสมัคร ผมเป็นรองทุกอย่าง แต่ผมบอกว่าน่าจะได้มีเวทีมานั่งด้วยกันเพื่อตอบคำถาม และเวลาบอกว่าไม่เป็นไร ไปเปรียบเทียบกันได้ ผมก็ไม่ทราบว่าวันนี้ผมไปคุยตัวต่อตัว เวลาไปคุยกับหัวหน้าพรรคอื่นคำถามอาจจะเป็นคนละเรื่องกันเลยก็ได้ และอะไรที่ผมพูดไม่ถูกจะได้ท้วงกันเลยว่าไม่ใช่
แม้จะมีผลงานแต่ไม่อาจพ้นเสียงวิจารณ์ ‘ดีแต่พูด’
ที่จริงคำว่าดีแต่พูด ต้องหมายความว่าพูดแล้วไม่ทำ คนที่บอกว่าผมดีแต่พูด พอถามว่าเรื่องไหนที่ผมพูดแล้วไม่ทำ ก็ไม่เคยตอบ แต่สิ่งที่ผมพูดผมทำ เหมือนที่พยายามบอกว่า 99 วันทำหรือเปล่า เมื่อกี้ก็ได้ไล่ให้ฟัง เรียนฟรีทำไหม ผู้สูงอายุทำไหม อสม.ทำไหม ชุมชนพอเพียงทำไหม ก็ทำหมด แต่ว่าจริงๆ คนที่ต่อว่าผมดีแต่พูด เคยหาเสียงเรื่องเบี้ยยังชีพก็เคย เคยหาเสียงเรื่องเรียนฟรี เรื่องนั้นเรื่องนี้เยอะแยะแต่ไม่ได้ทำ รัฐบาลผมเป็นคนมาทำ
แต่พอผมเอาความจริงไปพูดไม่ค่อยถูกใจ ไม่อยากให้คนไปฟังผมพูด ก็หาว่าผมดีแต่พูด ก็มีเท่านั้นเอง เป็นการสร้างกระแสขึ้นมาก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่อย่างนี้ไม่ว่ากระแหนะกระแหน แต่พอผมพูดตรงว่าผมทำอะไร เขาไม่ได้ทำอะไร บอกผมไปกระแหนะกระแหนคู่ต่อสู้ ก็แปลกดีเหมือนกัน
เวลานี้โพลชี้ว่าประชาธิปัตย์เริ่มเป็นรอง
ผมพูดมาตลอดว่ามีความสูสีมาก โพลทุกตัวที่ออกมาก็อย่างนั้น ผมยังไม่เห็นโพลตัวไหนยกเว้นของเพื่อไทย ที่บอกว่าได้เกินครึ่ง แต่ไม่เห็นโพลไหนบอกว่าจะมีการชนะขาดลอย สูสีกัน เข้มข้นพอสมควร ส่วนจะชนะได้กี่ที่นั่ง อันนี้แปลงมาเป็นที่นั่งอาจต้องคำนวณอีกที เหลือเวลาอีกหลายสิบวันอาจเปลี่ยนแปลงได้