จากประชาชาติธุรกิจ
นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เตรียมประกาศแนวทางการกำกับดูแลราคาสินค้าเกษตรสำคัญทั้งข้าว ไข่ มันสำปะหลัง น้ำตาลทราย รวมถึงสินค้าอุปโภค บริโภค ที่สำคัญ ๆ กับการดำรงชีวิต เช่น น้ำดื่ม เป็นต้น เร็ววันนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้บริโภคมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้น แต่พบว่าสินค้าบางรายการที่ได้รับผลบวกกลับไม่มีการลดราคาให้กับผู้บริโภค บางรายการกลับฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าแทน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าไปดูแลในรายละเอียดทั้งหมด โดยเฉพาะโครงสร้างต้นทุนราคาว่าสินค้าสำคัญมีที่ไปที่มาของการกำหนดราคา อย่างไร โดยนายอภิสิทธิ์ ต้องการแก้ไขให้เป็นการถาวร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อทุกฝ่ายทั้งเกษตรกร ผู้ผลิต พ่อค้าคนกลาง จนถึงผู้บริโภค
รายงานข่าวยังระบุว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 26 ตุลาคมนี้ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานการกำกับดูแลราคาสินค้าให้ที่ประชุมรับทราบโดยเฉพาะ สินค้าที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท ทั้งกรณีที่เป็นเชิงบวกและเชิงลบ รวมถึงผลกระทบต่อผู้บริโภคและแนวทางการกำกับดูแลในอนาคต เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ หลังจากที่ในการประชุม ครม.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้สอบถามกระทรวงพาณิชย์ถึงการกำกับ ดูแลราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคที่ได้รับประโยชน์จากการที่ค่า เงินบาทแข็งค่าว่าจะสามารถปรับลดราคาได้มากน้อยเพียงใด เพราะหลังจากค่าเงินบาทแข็งขึ้นจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าถูกลง จึงทำให้ราคาสินค้าเหล่านี้สามารถปรับราคาลงได้ เช่น ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญในเดือนตุลาคม โดยระบุว่าข้าวนาปรังมีแนวโน้มราคาอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะเป็นช่วงปลายฤดูผลผลิตจึงออกสู่ตลาดน้อยและมีการส่งออกมากขึ้น ขณะที่มันสำปะหลังมีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากและยังมีความต้องการอย่างต่อ เนื่องจึงทำให้ราคาที่เคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ที่เกษตรกรได้ประโยชน์ เช่นเดียวกับข้าวโพดที่ยังมีความต้องการต่อเนื่องจากโรงงานอาหารสัตว์ ส่วนปาล์มน้ำมันจะมีผลผลิตน้อยกว่าปกติ เช่นเดียวกับมะพร้าวที่มีผลผลิตไม่มาก ส่วนถั่วเหลือง ปลาป่น ยางพารา แนวโน้มราคาอยู่ในเกณฑ์ปกติ. (สำนักข่าวไทย )