จาก โพสต์ทูเดย์
กน.จัดสรรน้ำตาลโควตา ก ฤดูกาลผลิตปี 2553/2554 สูงถึง 25 ล้านกระสอบ สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาน้ำตาลตึงตัวเหมือนปีนี้
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการน้ำตาลทราย (กน.) ที่มีนายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธาน เปิดเผยว่า การประชุมกน.เมื่อเร็วๆ นี้ได้กำหนดปริมาณ น้ำตาลทรายบริโภคภายในประเทศ (โควตาก.) ของฤดูการผลิตปี 2553/2554 ไว้ที่ระดับ 25 ล้านกระสอบ โดยถือเป็นการกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศที่สูงสุดเป็น ประวัติการณ์ เนื่องจากประเมินว่าจะมีอ้อยเข้าหีบฤดูการผลิตนี้เฉลี่ย 65-68 ล้านตัน เพราะปริมาณฝนที่ตกลงมามากในระยะหลังทำให้อ้อยสะสมความหวานได้ดีขึ้น ประกอบกับมีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มจากปีก่อนอีก 5-7 แสนไร่
ทั้งนี้ การกำหนดปริมาณดังกล่าวได้อ้างถึงสาเหตุสำคัญคือไม่ต้องการให้เกิดปัญหา ตึงตัวเช่นฤดูการผลิตปี 2552/2553 ที่กำหนดไว้ 21 ล้านกระสอบ โดยเพิ่มขึ้นจากฤดูการผลิตปี 2551/2552 ที่กำหนดไว้ 19 ล้านกระสอบ แต่ในที่สุดเกิดปัญหาตึงตัวจนนำไปสู่การเพิ่มโควตาก.พิเศษให้กระทรวงพาณิชย์ และยังให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย(กท.)ซื้อคืนจากเทรดเดอร์อีกกว่า 7 แสนกระสอบรวมเป็นน้ำตาลโควตาก.เกือบ 23 ล้านกระสอบซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงสุดในขณะนั้น
“มีการถกเถียงเรื่องตัวเลขนี้พอสมควร โดยกระทรวงพาณิชย์ขอ 26 ล้านกระสอบ แต่โรงงานเห็นว่าควรจะเพียง 24 ล้านกระสอบ จึงสรุปที่ 25 ล้านกระสอบ ซึ่งมติดังกล่าวจะต้องเสนอผ่านขั้นตอนการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารน้ำตาล ทราย (กบ.) แล้วเข้าสู่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) อีกครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ที่ผ่านมามักจะเห็นชอบตามมติกน.”แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับสถานการณ์น้ำตาลทรายล่าสุดหลังจากที่กท.ซื้อคืนจากเทรดเดอร์ 3 รายจำนวน 7.43 แสนกระสอบมาจำหน่ายเพื่อแก้ภาวะตึงตัวล่าสุดได้มีการทยอยขายไปแล้ว 4 งวดรวม 2.32 แสนกระสอบ และในสัปดาห์นี้(งวดที่ 5 ) มีผู้เสนอซื้อมาอีก 87 ราย จำวน 5.9 หมื่นกระสอบ ส่งผลให้ราคาน้ำตาลเฉลี่ยลดลง 1-1.50 บาทต่อกิโลกรัม แต่ราคาอาจจะลงไม่มากนักเนื่องจากน้ำตาลทรายที่ขึ้นงวดปกติส่วนของโรงงานไม่ มีการระบายออกไปเท่าที่ควร เช่นเดียวกับน้ำตาลของกระทรวงพาณิชย์ที่ยังคงค้างกระดานอยู่ 3.3 แสนกระสอบ
นายชลัส ชินธรรมมิตร์ คณะทำงานแก้ไขน้ำตาลขาดแคลน ในคณะกรรมการ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลกล่าวว่า โควตาก.ที่กำหนดสูงถึง 25 ล้านกระสอบนั้นส่วนตัวแล้วมองว่าสูงเกินไปและชี้ให้เห็นว่าราคาในประเทศไม่ ได้สะท้อนความจริง เพราะคนไทยไม่น่าจะบริโภคเพิ่มขึ้นมากระดับนั้น แต่เป็นการใช้โดยอุตสาหกรรมผลิตอาหารและเครื่องดื่มในประเทศนำไปผลิตแล้วส่ง ออก ซึ่งเท่ากับเป็นการเอาเปรียบชาวไร่อ้อย
“ราคาตลาดโลกปี 2554 ยังเฉลี่ยสูงอยู่โดยน้ำตาลทรายขาวน่าจะอยู่ที่ประมาณ 700 เหรียญสหรัฐต่อตันเพราะจีนและอินเดียมีการใช้มากขึ้นการกำหนดโควตาก.สูง เท่าใดก็เท่ากับไปกดราคาอ้อยของชาวไร่มากเท่านั้น”นายชลัส กล่าว
