จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
ลำปาง - รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท ยืนยัน อบต.เสริมขวา ขอมาลาดยางถนน ลป.4041 พร้อมขอเวลาใช้ GPS จับดาวเทียม 4 ดวงตรวจสอบให้ชัดตัดผ่านป่าสงวนแห่งชาติแม่เรียงหรือไม่ ยันถ้าเป็นป่าจริงพร้อมปิดหัว-ท้ายถนน ถึงตอนนั้นใครผิดก็ต้องได้รับโทษ ขณะที่ ทสจ.ย้ำเดินหน้าตรวจยึดผืนป่าคืนไม่หยุด
วันนี้ (31 ส.ค.) นายประศักดิ์ บัณฑุนาค รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท, นายจเรศักดิ์ นันตะวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง), นายเมืองแมน เกิดนานา ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง, ว่าที่ ร.ต.ศตวรรษ บุนนาค นายอำเภอเสริมงาม, พ.ท.สุรศักดิ์ สุขแสง ผบ.ร.17 พัน.2 และเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบถนนทางหลวงชนบท ลป.4041 กว้าง 8 เมตร ยาว 9 กิโลเมตร ที่พบว่าตัดผ่านป่าสงวนแห่งชาติแม่เรียง ต.ทุ่งงาม อ.เสริมงาม จ.ลำปาง
นายประศักดิ์กล่าวว่า จากการรับทราบข้อมูลเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงชนบทลำปาง ที่แขวงฯ คนเดิมก็ย้ายไปก่อนหน้านี้แล้วซึ่งจะได้เรียกข้อมูลมาตรวจสอบอีกครั้ง ตอนนี้ทราบเพียงว่าเดิมถนนเส้นนี้เป็นถนนลูกรังขนาด 8 เมตร อบต.เสริมขวาได้ร้องขอให้ลาดยางในปี 2552 โดย อบต.ก็รับรองว่าเป็นทางสาธารณะที่ประชาชนใช้สัญจรมานาน ซึ่งขณะนั้น (ปี 2552) ทางหลวงชนบทได้ตั้งเป็นกรมแล้ว ตามนโยบายปฏิรูประบบราชการ โดยยุบโยธาและ รพช.มารวมกัน และมีการถ่ายโอนถนนออกไป 480 สาย 1,200 กิโลเมตร ปัจจุบันแขวงชนบทลำปาง จะมีถนนถือครองอยู่ 32 สาย ประมาณ 500 กิโลเมตร ส่วนหนึ่งก็อยากดูแลประชาชนที่ใช้ถนนลูกรัง ได้ยกระดับมาตรฐานทางเพื่อให้ใช้สัญจรสะดวก ขณะนี้ลำปาง ก็จะเหลือสายนี้ (ลป.4041) และถนนริมคลองชลประทานเท่านั้น
“อย่างไรก็ตาม ถนนสายนี้ที่มาเป็นอย่างไรคงต้องพิสูจน์กันต่อไปว่าเดิมที่เป็นลูกรัง ใครทำลูกรังเข้ามาในเขตป่าทิ้งไว้ ถ้าพิสูจน์แล้วว่าเป็นเขตป่าก็คงต้องว่ากันไป”
ในส่วนของทางหลวงชนบทที่เข้ามาสานต่อจากสภาพที่เป็นลูกรังกว้าง 8 เมตร รถสามารถวิ่งสวนทางกันได้อยู่แล้ว ในปี 2556 จึงได้มีโครงการต่อเนื่องมา แต่ทั้งนี้การจะเข้ามาทำ ก็จำเป็นต้องดูกฎหมายอื่นรวมอยู่ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องป่าไม้
นายประศักดิ์ยืนยันว่า กรมทางหลวงชนบทก็มีแนวนโยบายอยู่แล้วว่าก่อนทำต้องยื่นขอและต้องได้รับ อนุญาตก่อนถึงจะเข้าดำเนินการ หากรู้เป็นที่ป่าแล้วเข้าไปทำโดยพลการ ทางกรมฯ จะไม่ให้ทำแน่นอน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้ว ก็คงต้องมานั่งคุยกันว่า แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
“สมมติว่าเป็นเขตป่าจริงๆ ก็มีทางออกอยู่ อาทิ ปิดหัว-ท้ายถนน เพื่อจะไม่ให้มีใครเข้ามาทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ซึ่งพวกเราทุกคนก็หวงแหนกันทุกคน รวมถึงคนสร้างทางก็หวงแหนธรรมชาติ”
นายประศักดิ์บอกว่า หลังจากนี้จะดำเนินการเก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ใช้ GPS จับดาวเทียม 4 ดวงว่า พิกัดบนพื้นที่นี้ เป็นเท่าไหร่ หากจับได้ดาวเทียมทั้ง 4 ดวง ก็จะเกิดความชัดเจน และถูกต้องมากกว่าจับได้เพียง 1-2 ดวง ซึ่งก็จะต้องอิงทางป่าไม้เป็นหลักว่า พิกัดเท่าไหร่ แล้วถึงจะนำมาจับกับถนน ก็จะเห็นได้ว่าซ้อนกันหรือหลบกันได้
“ยืนยันว่าจะไม่สามารถเบี่ยงเส้นทางได้อย่างแน่นอน เพราะจะถูกบังคับด้วยดาวเทียม ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าหากพื้นที่นี้เป็นป่า ก็ต้องเป็นป่า จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่นอน ซึ่งขณะนี้ก็คงเป็นเพียงร่วมกันค้นหาความจริงเท่านั้น”
นายประศักดิ์ได้ย้ำอีกว่า หากตรวจสอบแล้วว่าใครผิดก็ต้องได้รับโทษไป ตนเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง แต่เวลานี้ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้ทำงาน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันต่อไป
ขณะที่นายจเรศักดิ์ นันตะวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) กล่าวยืนยันเพียงสั้นๆ ว่า การพิสูจน์ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความโปร่งใสแน่นอน ตนเป็นคนตรง ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด ขอให้เชื่อมั่นได้ ระหว่างนี้ก็จะให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ หากพบการบุกรุกก็จะเร่งยึดคืนทั้งหมดไปก่อน
อี.โอ.เอส เกียร์,ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,#อุปกรณ์แค้มปิง,#อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต,#มีดดามัสกัส,#เหล็กดามัสกัส